หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 4/2

 อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 4/2
ทูนอินทร์ตามรุ้งระวีมาที่บริเวณบึงสระบัว รุ้งระวีนั่งอยู่สักพักก็ร้องไห้ออกมา ทูนอินทร์ลงนั่งข้างๆ

“อยากระบายไหม ผมยินดีรับฟังนะ”
“ฉันไม่น่าคิดอะไรง่ายๆ แบบนี้เลย ฉันไม่น่ายอมนาย อิทธิ เซ็นสัญญากับเขาแล้วก็กลับมาเมืองไทย”
“แต่กลับมา คุณก็เป็นนักร้องดังนะ คุณต้องการอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ฉันรักที่จะร้องเพลง แต่ไม่ต้องการเป็นคนดัง”
“งั้นผมก็เข้าใจผิดแฮะ ผมนึกว่าคุณอยากมาดังที่เมืองไทย”
“ฉันกลับมาที่นี่ มาตามหาแม่น่ะ”
ทูนอินทร์แปลกใจ

“หืมม์...หาแม่”
“ใช่...แม่ส่งฉันไปอยู่แอลเอตั้งแต่ฉันแปดเก้าขวบ แล้วฉันไม่เคยเจอแม่อีกเลย นายอิทธิสัญญาว่าถ้าฉันเป็นคนดัง แม่ก็จะมาหาฉันเอง”
“แล้วท่านติดต่อมาไหม”
รุ้งระวีส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่...ฉันยังไม่ได้ข่าวคราวแม่เลย แม่เคยอยู่ที่โคราช ฉันอยากไปที่นั่นมากแต่ยังไม่มีโอกาส แถมนายอิทธิให้ฉันปกปิดอดีตที่แท้ของฉันอีก ทำให้ฉันประกาศหาแม่ตามสื่อไม่ได้”
ทูนอินทร์มองอย่างเห็นใจ
“ผมเข้าใจแล้ว ที่คุณเปลี่ยนอดีตตัวเอง ต้องหลอกคนฟัง เพราะเหตุผลเหล่านี้เอง”
“ฉันไม่ได้อยากหลอกลวงแฟนเพลงหรอกนะ”
“ผมเข้าใจครับ แล้วจากนี้คุณจะทำยังไง”
“เลิกสัญญา เลิกร้องเพลงค่ายนายอิทธิ แล้วตามหาแม่ให้พบ”
“ถ้าเป็นจริง ผมจะดีใจมากเลย”
รุ้งระวีมองเขาอย่างสงสัย
“ทำไมเหรอคะ”
“ผมจะชวนคุณมาเข้าสังกัดผมไงครับ ผมกับพี่เมธกำลังทำค่ายเพลงอิสระอยู่พอดี”
รุ้งระวี ยิ้มเศร้าๆ
“ฉันเชื่อแล้วละว่าคุณเป็นนักแต่งเพลงเพราะเพลงที่ร้องเมื่อกี้ เพราะมาก ชื่อเพลงอะไรเหรอ”
“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยครับ เพราะยังแต่งไม่เสร็จ”
“ตั้งชื่อแล้ว บอกให้ฉันรู้ด้วย ฉันอยากร้องเพลงนี้”
ทูนอินทร์ปลื้มสุดๆ
“จริงนะ”
“ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณช่วยฉัน ไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงแล้ว”
ทูนอินทร์ยิ้มปลื้ม แล้วอย่างไม่คาดคิด รุ้งระวี ยื่นหน้าเข้ามาจูบข้างแก้มของเขา ทูนอินทร์ตะลึงนิ่งไป แล้วเกิดอาการเขินอายเป็นอย่างมาก

รุ้งระวีใส่เสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อย ดูตัวเองในกระจก มะปรางและจี่หอยช่วยดูแล
“นังจวง นังแจง มันบุกไปที่บ้านเราเลยเหรอ” จี่หอยถามอย่างไม่พอใจ
“ค่ะ...หนีออกมาแทบไม่ทัน”
รุ้งระวี มองสองคนอย่างเกรงใจ
“พี่หอย...มะปราง มาช่วยรุ้งอย่างนี้ แล้วงานที่ทำกับคุณอิทธิล่ะ”
ขณะเดียวกัน ทูนอินทร์ผ่านหน้าห้องเห็นประตูแง้มอยู่จึงหยุดฟัง
“เขาก็คงไล่พี่กับยายปรางออกนั่นแหละ”จี่หอยบอกเซ็งๆ
รุ้งระวี รู้สึกผิด
“พี่ช่วยรุ้ง ทั้งที่ตัวเองต้องตกงานเหรอคะ”
จี่หอยมองหน้ารุ้งระวี
“รุ้ง...ตั้งแต่ที่ไปเจอรุ้งที่แอลเอแล้ว เห็นปั๊บก็รู้ว่ารุ้งเป็นคนดี เป็นน้องพี่คนนึง เมื่อน้องโดนรังแก พี่จะอยู่เฉยได้ยังไง”
มะปรางยิ้มจริงใจให้รุ้งระวี
“ปรางก็เหมือนกันค่ะ”
“ก็แค่ตกงานน่ะ ไม่มีงานทำ พี่ก็ไปโชว์ตลกในบาร์เหมือนเดิม” จี่หอยพูดอย่างไม่แคร์
รุ้งระวีไหว้จี่หอยซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณค่ะพี่ รุ้งยังโชคดีที่ยังมีพี่ มีปราง มีคนดีๆ ที่คอยอุ้มชูอยู่ รับรองน้องคนนี้ก็ไม่มีวันทิ้งพี่กับปรางอยู่แล้ว เราเป็นพี่น้องกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันนะ”
มะปราง โผเข้ากอด
“ค่ะ”
ทั้งสามกอดกันน้ำตารื้นกันทั้งสามคน ทูนอินทร์เข้ามา ยิ้มให้ทั้งสาม ก่อนจะส่งมือถือให้รุ้งระวี
“รุ้ง...มือถือของรุ้งครับ มีมิสคอลจากนายอิทธิเข้ามาตลอด ผมว่าคุณควรจะโทร กลับได้แล้วนะ”
รุ้งระวี รับมือถือมา
“แล้วฉันจะพูดยังไงดี”
“ตามที่เราตกลงกันไว้ไง”
รุ้งระวีพยักหน้า พยายามทำใจให้เข้มแข็ง

อิทธิรับสาย โดยมีสองสมุนคม และเดช ยืนอยู่ไม่ไกล
“รุ้ง...รุ้งอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ที่ที่ปลอดภัยจากคุณแล้ว”
“รุ้ง...เรื่องเมื่อคืนผมขอโทษ ยกโทษให้ผมนะ ที่ผมทำแบบนั้นเพราะ ผมรักคุณ”
“คุณทำกับคนที่คุณรักแบบนี้เหรอ ทั้งมอมยาทำร้ายฉันทั้งกาย ทั้งใจ” รุ้งระวีสะอื้น
“ผมเสียใจรุ้ง มาพบผมเถอะนะ ผมจะเคลียร์กับคุณทุกเรื่อง”
“ก็ได้ ฉันจะพบคุณ”
อิทธิดีใจ
“จริงนะ”
“คุณเตรียมสัญญามาด้วย ฉันจะฉีกสัญญาทิ้งให้หมด แล้วเราก็จบกันแค่นี้”
อิทธิตะลึง
“รุ้ง”
“พี่หอย”
รุ้งระวี ส่งมือถือให้จี่หอย แล้วผละไปยืนที่เทอเรซ สงบสติอารมณ์ จี่หอยพูดสายกับอิทธิแทน
“คุณอิทธิ คุณมาที่ร้านอาหารการเวกนะ บ่ายโมง มาทางเมืองนนท์...”
ทูนอินทร์เดินไปหา รุ้งระวี เช็ดน้ำตา
“ฉันกลัว นายอิทธิมันปล่อยฉันไปง่ายๆหรอก”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมกับทร กับพี่เมธจะไปด้วย”
รุ้งระวี ยิ้มออกมาได้

อิทธิพูดสายกับจี่หอย
“เข้าใจ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” อิทธิกดเลิกสายหันมาถามสองสมุน “เฮ้ย...เรื่องแม่รุ้งว่ายังไง”
“หลักฐานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
คมวางเอกสารลงตรงหน้า อิทธิ หยิบออกดูเห็นรูปแรกเป็นรูปของแสงหล้า ที่ถ่ายกับคู่กับเธอตั้งแต่เด็กๆ เขาหยิบรูปต่อไปขึ้นมา
“ผมว่าคนนี้หน้าตาคล้ายที่สุดแล้วละครับ”
อิทธิมองรูปแล้วเอามาเทียบกับรูปแสงหล้า พยักหน้าเห็นด้วย
“ดี...”
อิทธิยิ้มชั่วร้าย

อิทธิรออยู่ในร้านอาหารการเวก สักครู่รุ้งเข้ามาพร้อมจี่หอยและมะปราง คมและเดชเลื่อนเก้าอี้ให้รุ้งระวี ลงนั่งตรงหน้าเขา จี่หอยและมะปรางนั่งโต๊ะข้างๆ ท่าทางหวาดๆ อิทธิยิ้มแย้ม
“ก่อนอื่น ผมขอโทษ ผมขาดสติไป”
รุ้งระวีท่าทางเย็นชา
“เอาสัญญามารึเปล่าคะ”
“รุ้ง...เรื่องฉีกสัญญาทิ้ง ไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่าย ๆ นะ เพราะทางเรามีข้อผูกมัดกับธุรกิจอีกหลายอย่าง ทั้งห้องอัดเสียง ทั้งบริษัทออร์กาไนซ์ แล้วยังมีเดียที่เราจองไว้อีก ผมโดนฟ้องหมดตัวแน่”
“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าเทปนี่ถูกเผยแพร่”
รุ้งระวี ส่งมือถือให้ดูภาพที่โหลดเข้าเครื่องแล้ว อิทธิรับมาดูเห็นภาพตัวเองถูกชก ร่างของรุ้งระวี ที่นอนสลบอยู่บนเตียง ทูนอินทร์ที่ปลอมตัวเข้ามาช่วย
ขณะเดียวกันนั้น เมธ ทูนอินทร์และอินทร นั่งดูสถานการณ์อยู่ห่างๆอีกมุมของร้าน
“พี่ว่าออกหัวหรือก้อย” ทูนอินทร์ถาม
เมธส่ายหน้า
“ยังเดาไม่ถูกว่ะ”

อิทธิดูภาพจบ หน้าสลดก้มหน้านิ่งหน้าแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ รุ้งระวี จี่หอย มะปรางมองหน้ากัน
อิทธิแกล้งสะอื้นเบาๆน้ำตาไหลพราก รุ้งระวี จี่หอย มะปรางอึ้งไป
“ใช่...ผมทำเกินกว่าเหตุจริงๆ รุ้ง ผมสมควรได้รับโทษแล้ว จะฟ้องหรือตั้งข้อหาอะไรก็ได้ ผมยิมดีรับโทษ”
“คุณอิทธิ ฉันไม่ฟ้องอะไรคุณทั้งนั้น เพียงแค่ขอเลิกสัญญากับคุณ”
“นั่นก็เหมือนฆ่าผมทั้งเป็น”
“ไม่มังคะ ธุรกิจคุณไม่สะเทือนหรอก คุณยังมีนักร้องดังๆ อีกหลายคน รวมทั้ง จุ๊บแจง เมียลับๆคุณด้วย”
“ผมไม่ได้หมายถึงธุรกิจ ผมหมายถึงตัวผม ผมก็เหมือนคนตาย ถ้าคนที่ผมรัก อย่างรุ้ง หนีจากผมไปแล้ว”
รุ้งระวี อึ้งไป
“ฉันไม่ได้รักคุณนะคะคุณ อิทธิ”
“ผมทราบ...ถึงอยากให้เรามาเริ่มต้นใหม่ ผมไม่เรียกร้องเรื่องความรัก เรื่องแต่งงานจากคุณอีกแล้ว ผมให้อิสระรุ้งทุกอย่าง เพียงแต่รุ้งยังอยู่กับผม ร้องเพลงให้ผมเหมือนเดิม”
รุ้งระวีนิ่งไป
“เราจบกันเท่านี้เถอะค่ะ”
อิทธินิ่งงันไปเช็ดน้ำตา พยายามสะกดอารมณ์เจ็บปวด ขณะที่ทูนอินทร์และ อินทร เมธยิ้ม
“ท่าทางจะออกหัว”
ทูนอินทร์และอินทรยิ้มให้กัน

อิทธินิ่งไปนิดก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ถ้ารุ้งตัดสินใจอย่างนั้น มีอีกเรื่องที่รุ้งคงต้องไปสานต่อเอาเอง เพราะรุ้งคงไม่อยากให้ผมยุ่งอีก”
รุ้งระวี แปลกใจ
“อะไรคะ”
คมและเดชส่งเอกสารให้ อิทธิ ส่งให้ รุ้งระวีรับมาเปิดออก พบว่าเป็นภาพถ่ายติดบัตร ของหญิงชรานางหนึ่ง ใบหน้าทรุดโทรม รุ้งระวีมองงงๆ
“ใครคะ”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นแม่ของรุ้ง”
รุ้งระวีตะลึง
“หา...แม่แสงหล้า”
จี่หอยและมะปราง ลุกมาดูทันที รุ้งระวีมองหน้าอิทธิ
“นี่...แม่แสงหล้าเหรอคะ”
“คิดว่าใช่...”
“แม่อยู่ที่ไหน คุณไปเจอได้ยังไง”
ทางกลุ่มทูนอินทร์เห็นท่าทีแปลกของ รุ้งระวีก็ชักกังวล
“หรือว่าออกก้อยพี่” อินทรพูดขึ้น
ทูนอินทร์เจื่อนไป

อิทธิทำหน้าเศร้า...
“ผมให้นักสืบตามหาแม่รุ้งตลอด ก่อนที่รุ้งจะกลับมาเมืองไทยเสียอีก”
“คุณไม่เคยบอกฉันเลย แม่อยู่ที่ไหน”
“สุดท้ายที่เราพบ เธออยู่ที่วัดใหญ่ที่อุดร พระที่นั่นบอกว่าเธอ...สภาพจิตไม่ปรกติ เข้าออกโรงพยาบาลโรคจิตหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ก็เร่ร่อนไปเป็นปี แล้ว ยังตามตัวไม่พบ”
รุ้งระวีน้ำตาไหล
“รุ้ง...คิดว่าใช่แม่แสงหล้าแน่เหรอ” จี่หอยถามอย่างสงสัย
รุ้งระวีส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่ทราบ แม่เปลี่ยนไปมาก แล้ว...แล้วเราจะหาแม่เจอได้ยังไง”
อิทธิจ้องหน้า
“มันยากมากที่เราจะตามเอง แต่อย่างที่ผมเคยบอก ถ้ารุ้งมีชื่อเสียง เป็นคนดังเมื่อไหร่ เราจะออกทุกสื่อทั่วประเทศให้ช่วยกันตามหาแม่รุ้ง นั่นแหละที่รุ้งจะได้ เจอแม่ แต่ถ้ารุ้งคิดจะจบชีวิตการเป็นนักร้องแบบนี้ ผมก็ช่วยอะไรอีกไม่ได้” อิทธิทำเป็นถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้นทันที “ลาก่อนรุ้ง”
อิทธิ ออกจากร้านพร้อมคมและเดช รุ้งระวี นิ่งงัน ขณะที่อินทรอยู่โพล่งขึ้น
“นาย อิทธิ ออกไปแล้วครับ”
เมธยิ้มพอใจ
“งั้นออกหัวว่ะ”
ทางด้านรุ้งระวีนิ่งงันลังเล
“รุ้ง เอาไงดี” จี่หอยถามขึ้น
“พี่ว่ายังไง”
จี่หอยนิ่งคิด
“ข้อเสนอเขาก็น่าสนใจนะ ถ้าเขาทำตามที่เขาบอก”
รุ้งระวี ลุกขึ้นออกจากร้าน จี่หอยกับมะปรางรีบตาม ทางด้านเมธหน้าตื่น
“เฮ้ยยังไงแล้ว”
สามคนรีบตรงไปที่ประตู มองผ่านกระจกร้านออกไป

อิทธิออกมาหน้าร้าน รุ้งระวี ตามมา
“เดี๋ยวค่ะ”
อิทธิหันมา...ทางกลุ่มทูนอินทร์มองผ่านกระจกเห็นรุ้งระวี เจรจากับอิทธิ แล้วเห็นยิ้มออกแล้วดึงเธอมากอด เมธหนักใจ
“ท่าจะไม่ดีว่ะ”
ทางด้านอิทธิ ยิ้มร่าดีใจ
“จริงนะรุ้ง”
“ค่ะ รุ้งจะอยู่กับคุณ แต่คุณต้องทำตามที่สัญญาทุกอย่าง”
“รับรอง”
“อีกอย่าง พี่จี่หอยและมะปราง ยังทำงานกับรุ้งเหมือนเดิม”
“เอ...ผมยังไม่ได้ไล่ทั้งคู่ออกเลยนะครับ”
จี่หอยเหวอไป
“อ้าว...คุณยังจ้างหอยกับปรางเหรอคะ”
“ถึงรุ้งออก ผมก็ยังจ้างทั้งคู่เพราะผมถือว่างานนี้ผมได้พิสูจน์น้ำใจ เจ๊หอยและมะปรางว่าเขารักรุ้งแค่ไหน ผมต้องการทีมงานอย่างนี้แหละ”
“คุณ อิทธิ หอยขอบคุณนะคะที่ไม่ถือโทษหอย”
มะปรางดีใจ
“ขอบคุณด้วยคนค่ะ”
ทั้งสามไหว้ อิทธิยิ้มอบอุ่น
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
ทูนอินทร์ อินทรและเมธ ถอนใจออกมาพร้อมกัน
“ทำใจนะครับพี่ทูน อย่างนี้แสดงว่าเขาคืนดีกันแล้ว”
ทูนอินทร์ทนดูไม่ได้ ผละไป เมธและอินทรตามไป

อิทธิ เดินมาที่ลานจอดรถหน้าเปลี่ยนไปทันที คมเดชตามมา อิทธิหันไปถาม
“เป็นไงบ้าง”
“นายตีบทแตกเลยครับ” คมชม
“คิดว่ารุ้งเชื่อเรื่องแม่ไหม”
“เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ครับนาย”
เดชบอกอย่างมั่นใจก่อนจะเปิดประตูให้ อิทธิ จะขึ้นรถมองเลยไป เห็นเมธ ทูนอินทร์ และอินทรกำลังเดินไปที่รถ อิทธิจำได้รีบเรียก
“เฮ้ย...เมธ”
ทั้งสามชะงักหันมา อิทธิตรงมาหา สามหนุ่มสบตากัน พยายามไม่ส่อพิรุธ
“มาทำอะไรแถวนี้วะ” อิทธิถามอย่างยิ้มแย้ม
เมธยิ้มทักทาย
“สวัสดีคุณอิทธิ บ้านผมอยู่แถวนี้ละครับ”
อิทธิมองมาที่ทูนอินทร์และอินทร รู้สึกคุ้นๆ ทูนอินทร์และอินทรเตรียมตัวตั้งรับเต็มที่ถ้า อิทธิจำตนได้ แตอิทธิหันไปคุยกับเมธต่อ
“กำลังคิดถึงอยู่พอดี”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ผมอยากให้บริษัทคุณ มาช่วยทำมิวสิควิดีโอให้หน่อย”
เมธ มองหน้าทูนอินทร์กับอินทรนิดนึง ก่อนจะถามอิทธิ
“ของใครละครับคราวนี้”
อิทธิ ยิ้มภูมิใจนำเสนอ
“ศิลปินกำลังดัง และจะดังคับวงการต่อไปในอนาคต รุ้งระวี ศรีแอลเอ”
เมธยิ้มรับ
“อ๋อ...สาวลูกครึ่งคนนั้น”
“รู้จักใช่ไหม สนใจไหม”
ทูนอินทร์พูดขึ้นทันที
“สนครับ”
อิทธิมองทูนอินทร์ แปลกใจ
“ผมเคยกำกับมิวสิคมาหลายเพลงครับ ก่อนจะหยุดไปทำธุรกิจส่วนตัว” ทูนอินทร์แนะนำตัว
อิทธิยิ้มๆ
“อืมม์...ผมต้องการมือหนึ่ง”
“ผมก็มือหนึ่งครับ...ใช่ไหมพี่เมธ”
เมธรีบเออออไปด้วย
“เออ...ใช่ มันเคยเป็นมือหนึ่งครับ นี่น้องผม นายทูนอินทร์” เมธแนะนำ
ทูนอินทร์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอิทธิ รู้จักคุณมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยร่วมงานด้วยสักที”
อิทธิหันมาถามเมธ
“มือหนึ่งแน่นะ”
เมธพยักหน้า
“ครับ...คนนี้ละ ภาพสวยสะเด็ด ทำให้ฟ้าใส ใจสะออน ดังลั่นมาแล้ว”
อิทธิยิ้มพอใจ
“ดี ดี...งั้นมาคุยกันที่บริษัทเลย เมื่อไหร่ดี”
“พรุ่งนี้เลยดีไหมครับ”
อินทรเบือนหน้า กลั้นหัวเราะ อิทธิยิ้มรับ
“ได้...บ่ายโมง มาเลยนะ เรามาคุยโปรเจคท์กัน งานนี้ผมลงทุนเต็มที่”
“ผมก็เต็มที่เหมือนกันครับ” ทูนอินทร์พูดอย่างกวน ๆ
อิทธิมองทูนอินทร์ที่มีอาการล้นๆ อย่างงงๆ แล้วแยกกลับไปที่รถ อินทรมองหน้าพี่ชาย
“โอ้โฮ...พี่ทูน ผีเข้าเหรอครับ”
เมธมองทูนอินทร์อย่างเป็นห่วง
“พูดเอง เออเองเลยนะแก แกล้างมืองานกำกับมานานแล้วนะ จะไหวเหรอวะ”
“ไหวครับพี่ งานกำกับมิวสิคของรุ้งระวี มันต้องเป็นหน้าที่ของผมเท่านั้น”
ทูนอินทร์บอกอย่างมุ่งมั่น

ทูนอินทร์ยืนอยู่ริมสระบัว หน้าหงอยเหงาไป รุ้งระวีเดินมาหา
“คุณเคน”
“จะไปแล้วเหรอครับ” ทูนอินทร์ถามเสียงเศร้า
“ค่ะ...คุณคงเข้าใจเหตุผลที่ฉันเล่าแล้วนะ ที่ฉันต้องกลับไปหาคุณอิทธิ”
“ครับ เรื่องแม่ของคุณ...คุณเชื่อเขาทั้งหมดเหรอ”
“ที่จริงเขาก็เป็นคนดีคนนึง ที่เขาทำร้ายฉันเพราะเขารักฉันเกินไปน่ะค่ะ”
ทูนอินทร์ถอนใจ
“แล้ว...คุณรักเขารึเปล่า”
“ถ้าพูดถึงตอนนี้ เปล่าค่ะ แต่เขาสัญญาแล้วว่า...จะไม่เร่งรัดฉันเรื่องแต่งงาน ทุกอย่างจะค่อยเป็นค่อยไป”
“แสดงว่าคุณอาจจะรักเขาสักวันนึง”
“เป็นไปได้”
ทูนอินทร์ยิ่งเจ็บปวด
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือฉันตลอดมา”
“แล้ว...เรื่องของเพลงของผมที่คุณสัญญาว่าจะร้อง”
“ไว้มีโอกาส ฉันจะร้องเพลงของคุณแน่ๆ แต่งเสร็จเมื่อไหร่บอกด้วยละกัน...ฉันลา”
ทูนอินทร์หน้าเศร้า หันมาหาเธอแล้วฝืนยิ้ม
“โชคดีนะครับ ผมคงตามคุณในฐานะแฟนคลับไม่ได้อีกแล้วละ”
รุ้งระวียิ้มให้
“ค่ะ...โชคดี แฟนคลับของฉัน”
รุ้งระวี แยกไป ทูนอินทร์มองตามแล้วกลับเข้าบ้าน

อินทรรออยู่ที่หน้าบ้าน แท็กซี่จอดรออยู่ มะปรางและจี่หอยขนของขึ้นแท็กซี่ มะปรางหันมายิ้มให้อินทร
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหมคะ คุณธีรเดช”
อินทรยิ้มกริ่ม
“ผมว่าเราน่าจะได้เจอนะครับ แต่ไม่แน่ผมอาจจะไม่ใช่คนเดิมอย่างที่คุณรู้จักก็ได้”
มะปรางงงๆ
“หมายถึงกลับไปเป็น นักข่าวแต๋วคนเดิมน่ะเหรอคะ”
มะปรางหัวเราะคิก อินทรเจื่อนไป รุ้งระวี ออกมาพร้อมเมธ
“โชคดีนะครับรุ้ง”
“ขอบคุณค่ะพี่เมธ...รุ้งลา”
รุ้งระวีไหว้ลา จี่หอยกับมะปรางไหว้ตาม รุ้งระวีจะขึ้นแท็กซี่ แต่แล้วเสียงเพลงจากเปียโนดังขึ้นเธอชะงักหันกลับไปมองที่บ้าน ผ่านกระจกเข้าไปเห็นร่างของทูนอินทร์กำลังเล่นเปียโนเพลงรัก ที่ยังแต่งไม่จบนั้น
ทูนอินทร์ร้องเพลงคลอไป รุ้งระวีอยู่ด้านนอก มองผ่านประตูเข้ามา ฟังเพลงเพราะนั้นนิ่งนาน ทูนอินทร์ที่ร้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆรุ้งระวีน้ำตาคลอ เหมือนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดนั้น ก่อนที่จะตัดใจขึ้นรถไป ทูนอินทร์ยังคงร้องเพลงต่อเนื่อง รถแล่นจากไปแล้ว เขาร้องจนจบท่อนและสะดุดอยู่เท่านั้น เหมือนก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่คอ จนร้องต่อไม่ได้ เขาได้แต่ทอดถอนใจกับตัวเอง

วันต่อมา...รุ้งกำลังซ้อมเต้นอยู่ในห้อง มีกลุ่มหางเครื่องนับสิบนาง มีครูสอนเต้นนำทีม จี่หอยและมะปรางคอยอำนวยความสะดวกอยู่มุมห้อง
“หนึ่ง สอง สาม สี่ หมุน หนึ่ง สอง สาม สี่ หมุนอีกครั้ง”
รุ้งระวีเต้นอย่างตั้งใจ อิทธิมองอยู่ด้านนอกอย่างพึงใจ สักครู่คมเดินเข้ามา
“นายครับ พวกนายเมธมาแล้วครับ”
“พาเข้ามาที่นี่เลย”
“ครับ”
คมออกไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง โดยที่ เมธ ทูนอินทร์และอินทร ตามเข้ามาด้วย
“สวัสดีครับคุณ อิทธิ” เมธทักทาย
อิทธิยิ้มรับ
“เชิญครับ” อิทธิผายมือไปที่ห้องซ้อมเต้น “นี่ไง นักร้องของผม”
ทั้งสามมองเข้าไปในห้อง เห็นรุ้งระวีกำลังซ้อมเต้นอย่างขมักเขม้น ทูนอินทร์มองนิ่งเพราะเธอดูเซ็กซี่มากในชุดไทท์รัดรูป เมธทำเป็นเพิ่งเคยเห็น
“นี่เหรอครับ รุ้งระวี ศรีแอลเอ”
“สวยไหม”
“สวยมาก ถึงมากที่สุด”
ทูนอินทร์มองเคลิ้มๆ รุ้งระวีเต้นพลิ้วอย่างงดงาม เหมือนนางหงส์
“มา...ผมจะพาไปรู้จัก” อิทธิชวน
ทูนอินทร์รีบปฏิเสธ
“อืมม์...ไม่อยากรบกวนน่ะครับ เวลาอื่นดีกว่า”
“งั้นเราไปคุยงานกันที่ห้องผมเลย”
“ดีครับ”
อิทธิ นำไป อินทรเข้ามากระซิบถามพี่ชาย
“จะแสดงตัวเลยไหมพี่”
“ดูก่อน”
ทั้งสองตามไป... รุ้งระวีเต้นจบท่าพอดี ครูยิ้มแย้มให้
“พักสิบนาทีนะคะ เก่งมากค่ะรุ้ง”
“ขอบคุณค่ะ”
รุ้งระวีมาหาจี่หอย
“พี่หอย รุ้งเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
รุ้งระวีเดินมาตามทางเดิน กลุ่มของ อิทธิและทูนอินทร์ เดินเลี้ยวมาพอดี รุ้งระวีเห็นเสี้ยวหน้าของทูนอินทร์แว้บ ๆ ก็เขม้นมองเห็นเพียงด้านหลังของเขาก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน อิทธิไป
“ไม่ใช่หรอกน่า เฮ้อ...บ้าจัง เห็นใครก็กลายเป็นนายเคนไปหมด”
รุ้งระวีเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป

ทูนอินทร์ อินทรและเมธ นั่งฟัง อิทธิพูดถึงรายละเอียดของงาน
“งานนี้ผมไม่ได้จ้างพวกคุณทำมิวสิคอย่างเดียว แต่ผมจะให้ทำบันทึกเบื้องหลังคอนเสิร์ทของรุ้งระวีด้วย”
“รุ้งระวีจะมีคอนเสิร์ตเหรอครับ” ทูนอินทร์ถามขึ้น
“ใช่...แต่จะเป็นคอนเสิร์ทรวมของนักร้องในค่าย รุ้งจะไปร้องแค่สอง เพลง”
“เมื่อไหร่ครับ”
“วันมะรืน พวกคุณเตรียมงานทันไหม”
“เราพร้อมตั้งแต่วันนี้แล้วละครับ”
ทูนอินทร์ยิ้ม อิทธิรู้สึกคุ้นเสียง
“เอ….คุณทูน เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า ผมคุ้นหน้าคุ้นเสียงคุณยังไงพิกล”
“คงเคยเจอกันมั้งครับ เพราะผมเองก็คุ้นคุณอิทธิ เหมือนกัน”
เมธและอินทรพยายามคุมสีหน้า คมเข้าห้องมา
“นายครับ คุณรุ้งรออยู่ข้างนอก”
ทูนอินทร์ อินทร เมธ นั่งตัวเกร็ง มองหน้ากันทันที
“เรียกเข้ามาเลยซี จะแนะนำให้รู้จักผู้กำกับมิวสิคด้วย”
“ครับ”

คมเปิดประตู รุ้งระวียืนอยู่ด้านนอก ทูนอินทร์ อินทรและเมธหันหลังให้ ขณะที่รุ้งระวีมองเข้ามา
จบตอนที่ 4
อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 4/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์