หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5
รุ้งระวียืนอยู่ด้านนอก ขณะที่ทูนอินทร์ อินทร และเมธหันหลังให้ เธอมองเข้ามา แต่ไม่เดินเข้ามา พูดกับคมหน้าประตูแล้วแยกไป

“อ้าว ไม่เข้ามาล่ะ” อิทธิหันไปถามเมื่อคมเดินเข้ามา
“คุณรุ้งบอกว่าไม่มีอะไร อยากพูดกับนายเรื่องคอนเสิร์ตน่ะครับ หลังซ้อมเต้นค่อยคุยก็ได้” คมอธิบาย
“โอเค”
อิทธิพยักหน้ารับรู้ คมเดินออก
“เลยไม่ได้แนะนำให้พวกคุณรู้จักเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงเราก็จะต้องรู้จักกันอยู่แล้ว สำหรับสาวๆ สวยๆอย่างคุณรุ้ง ผมรอได้” ทูนอินทร์พูดอย่างมีมาด
อิทธิมองทูนอินทร์ที่ทำเก๊ก อย่างไม่สบอารมณ์นัก

รุ้งระวีกลับไปซ้อมเต้น ขณะที่หน้าห้องจวงใจ จุ๊บแจงมองๆอยู่ ทั้งสองมีพลาสเตอร์ปิดที่หน้าและจมูก ใบหน้ายังช้ำ มะปรางออกมาจากห้องพอดี จวงใจและจุ๊บแจงยึดแขนไว้
“พี่ปล่อยนะ”
“แกบอกมาก่อน ทำไมคุณอิทธิถึงกล่อมมันกลับมาทำงานต่อได้ ได้ข่าวว่าทีแรกมันจะลาออกไม่ใช่เหรอ” จวงใจถาม
“หนูไม่ทราบค่ะ”
“แกต้องรู้ เพราะแกอยู่ในเหตุการณ์” จุ๊บแจงพยายามซัก
“ปรางไม่ได้รู้ทุกเรื่องหรอกนะคะ ปล่อย”
มะปรางสะบัดหลุด แล้วแยกไปทันที สวนเข้ากับอาชาและขวัญข้าว ที่เพิ่งเข้ามา ถือถุงส้มตำและอาหารอีสานมาถุงใหญ่ อาชามองเข้าไปในห้องเต้น
“มีอะไรกันเหรอ ว้าย หน้าตาแกสองคนไปโดนอะไรมา” ขวัญข้าวมองอย่างตกใจ
“เรื่องยาวค่ะเจ๊ แล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
อาชามองรุ้งระวีไม่เลิก
“นี่ คอนเสิร์ตน่ะมันรวมดาวพวกเรานะ นังฝรั่งมันร้องแค่สองเพลง แต่มันซ้อมกันอลังการขนาดนี้เลยเหรอ”
“คุณอิทธิทุ่มให้มันเต็มที่ เห็นว่าชุดหางเครื่องสั่งตัดใหม่หมด“ จุ๊บแจงบอกด้วยน้ำเสียงริษยาเต็มที่
“ทุเรศที่สุด ถ้ายังเชียร์นังนี่นอกหน้าแบบนี้ ฉันว่าพวกเราไปหาสังกัดอื่นอยู่กันเถอะ หมาหัวเน่าขึ้นมาทุกวันแล้ว ไป ไปกินส้มตำดีกว่า แก้เซ็ง”
ขวัญและอาชาแยกไป เดชเดินผ่านมาพอดี
“เดี๋ยว ไอ้เดช คุยกันหน่อย” จวงใจเรียกไว้
“มีอะไรเจ๊”
“เรื่องนังฝรั่ง ทำไมมันกลับมาทำงานกับคุณอิทธิ ตอนแรกมันจะลาออกไม่ใช่เหรอ”
“ความลับเจ้านาย พูดไม่ได้หรอก”
“แจง ง้างปากมันหน่อยซิ”
จุ๊บแจงจะเข้ามาง้างปากเดช ทันทีที่จวงใจสั่ง
“เฮ้ย จะทำอะไรผม”
“ง้างปากแกไง”
จวงใจเซ็ง
“แจง...ง้างปากมันที่ว่า หมายถึง ใช้….เงินน่ะ เงิน เงิน”
“อ๋อ”
จุ๊บแจงหยิบเงินออกแบงค์พัน เดชส่ายหน้า จุ๊บแจงหยิบอีกสองพัน
“พอไหม”
“ก็...พอพูดได้บ้าง ทางนี้ดีกว่าเจ๊”
เดชพาสองสาวแว่บออกไปทันที

ทูนอินทร์และอินทรออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน
“เป็นไงครับ ข้อเสนอ” อินทรถามความเห็น
“ก็ดี”
“ได้กำกับรุ้ง ทำฟรีก็รับทำอยู่แล้วใช่มะ”
“เออ”
ทั้งสองจะเดินผ่านห้องครัว แล้วหยุดชะงัก เพราะมะปรางกำลังเดินออกมาพอดี ทั้งทูนอินทร์และอินทรตั้งรับเต็มที่ แต่มะปรางที่ถือขวดน้ำเย็น ไม่ทันหันมามอง เพราะขวัญข้าวเรียกไว้เสียก่อน ทูนอินทร์และอินทรแอบหลบ
“เดี๋ยวยายมะปราง” เสียงขวัญข้าวดังขึ้น
มะปรางหันไปมองในห้อง
“คะ”
ขวัญข้าวที่กำลังเอาถุงส้มตำ ลาบ น้ำตก และข้าวเหนียวของตัวเองออกมาจากถุง เห็นมีถุงอาหารถุงใหญ่วางไว้บนโต๊ะ อาชากำลังรื้อดู
“ลาบส้มตำของใครเนี่ย เหมือนของฉันเลย” ขวัญข้าวถาม
“ของพี่หอยค่ะ ซื้อให้พี่รุ้งทาน”
“ฝรั่งดอยไหนนะ กินของอีสานได้ขนาดนี้”
“ฝรั่งขี้จุ๊น่ะซี้” อาชาประชด
มะปรางไม่โต้ตอบ ออกจากห้องไป ทูนอินทร์และอินทรมาแอบดูที่หน้าห้อง ขณะที่อาชาคิดอะไรได้บางอย่าง
“เดี๋ยว เจ๊ รู้แล้วว่าจะจัดการกับนังฝรั่งมันยังไง”
อาชาเดินไปเปิดถุงอาหาร ชูถุงขึ้น ติดป้ายไว้ว่า “ของรุ้ง”
“นี่....ส้มตำปูปลาร้า...ของรุ้ง””
“แกจะทำอะไร” ขวัญข้าวสงสัย
“ทำให้มันทวารเปิดไงเจ๊”
“ขี้แตกใช่ไหม ฮ่ะ ฮ่ะ แกจะเพิ่มพริกกับปลาร้าดิบลงไปเหรอ”
“ใครบอก รสชาติเท่าเดิมนี่แหละ แต่นี่…ผงวิเศษ”
อาชาหยิบขวดเล็กออกมาจากกางเกง แล้วโรยลงในถุงส้มตำ
“อะไรน่ะ”
“ยาระบายอ่อนๆ แต่ถ้าใส่เยอะๆ ก็จะกลายเป็นยาระบายหนักๆ แถมถ้าโดนพริกเข้าไปเยอะๆด้วยนะ เขาเรียกยาระเบิดถ้ำ”
“ฮิฮิ ประเภทหูรูดไม่ทำงานเลยใช่ไหม ดีๆ นี่...ก็โรยมันทุกถุงเลยซี บ่อเกรอะมันจะได้แตกกันทุกคน”
“จัดห้าย”
ทั้งสองช่วยกันเปิดถุงโรยเมามัน
ทูนอินทร์และ อินทรมองอยู่ตะลึง
“เรียบร้อย ล้างมือก่อน” ขวัญข้าวบอก
“ขอให้แซ่บ ขอให้แซ่บ”
ทั้งสองหัวเราะแล้วแยกเข้าห้องน้ำไป ทูนอินทร์และอินทรเข้ามาในห้องทันที
“จัดการ”
ทูนอินทร์บอก ทั้งสองช่วยกันยกถุงอาหารที่ถูกโรยผง ไปวางแทนถุงของขวัญข้าว และยกของขวัญกลับมาวางที่มุมเดิมของรุ้งระวี จากนั้นก็รีบออกจากห้อง จังหวะที่อาชาออกมาพอดี
“เอ๊ะ อะไรแว้บๆ”
ขวัญข้าวตามออกมา
“มีไรเหรอ”
“เหมือนเห็นหลังผู้ชายแว้บๆ วิ่งออกไป”
“ทั้งปีละแก เห็นผู้ชายข้างหลังทุกครั้งละ มีอะไรกะหลังผู้ชายยะ”
อาชาค้อน ทำเอียงอาย

มุมหนึ่งของบริษัท จวงใจและจุ๊บแจง ฟังเรื่องที่เดชเล่า ทูนอินทร์และอินทรเดินออกมาพอดี จึงหลบมุมแอบฟัง
“แม่นังรุ้งงั้นเหรอ มันตามหาแม่มันอยู่” จวงใจพยายามเก็บข้อมูล
“ใช่....เจ๊ห้ามไปบอกใครนะ หรือถ้าบอก ก็ต้องไม่พาดพิงมาถึงผม”
“ไม่บอกอยู่แล้ว” จวงใจรีบสัญญา
“ผมกับพี่คม ต้องออกไปหาคนที่หน้าละม้ายๆน่ะ แล้วเอามาถ่ายรูปหลอกมันว่าคนนี้น่าจะเป็นแม่มัน มันถึงยอมกลับมา”
“อย่างนี้นี่เอง แจง ถ้าอย่างนั้นรูปที่บ้านนังรุ้ง ต้องเป็นรูปแม่มันแน่ๆเลย”
“รูปไหนพี่จวง”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอ”
“ความจำแจงไม่ดี พี่ก็รู้”
จวงใจระอาใจ หยิบมือถือออกมา แล้วกดดูภาพถ่ายแม่รุ้งระวีที่หัวเตียง
“นี่รูปนี้ จำได้รึยัง”
“เบลอๆ”
“แกดูซิ แม่นังรุ้งใช่รูปนี้รึเปล่า”
“นี่ละ รูปนี้แหละ”เดชยืนยัน
“ได้เรื่อง ขอบใจนายเดช ไปได้แล้ว”
“ไม่ทิปอีกสักร้อยสองร้อย”
“อย่ามาหัวหมอ ไป”
เดชหัวเราะแหะๆก่อนจะแยกไป
“เอาไงดี” จุ๊บแจงถาม
“ไม่ยากแล้วละ มันมีจุดอ่อนเรื่องแม่มัน เราต้องเอามาใช้เป็นจุดแข็งของเราให้ได้”
“เยี่ยม แต่ไม่รู้เรื่องน่ะ จุดอ่อน จุดแข็ง จะทำไรเหรอพี่”
“แจง หัวสมองมีไว้คิดนะ ไม่ใช่ไว้ให้ผมขึ้น”
“หมอบอกว่าแจงกินผงชูรสเยอะ สมองเลยฝ่อ”
จวงใจถอนใจ
“งั้นไปกินต่อ ในส้มตำมีเยอะเลย”
จวงใจและจุ๊บแจง เดินเลี้ยวมาทางทูนอินทร์และอินทร เจอเข้ากับสองหนุ่ม จุ๊บแจงมองทูนอินทร์ตะลึงไปในความหล่อ
“อุ๊ย”
“พวกคุณมาพบใครคะ” จวงใจถาม
ทูนอินทร์ทำเสียงไม่ให้เหมือนตอนเป็นพี่เก้ง พี่กวาง
“ผมมาประชุมกับคุณ อิทธิน่ะครับ”
“ประชุมเรื่องอะไรเหรอคะ”
“พวกเราเป็นทีมงานผลิตรายการ นี่พี่ชายผม พี่ทูน เป็นผู้กำกับมิวสิค” อินทรแนะนำ
จวงใจยิ้มทันที
“เหรอคะ สวัสดีค่ะ แหม...ตอนแรกนึกว่าศิลปินคนใหม่”
“นั่นซีคะ ใครจะไปนึกว่าผู้กำกับจะหล่อขนาดนี้”
ทูนอินทร์ทำเขินอาย
“ขอบคุณครับ”
ขณะเดียวกัน รุ้งระวีเดินมากับมะปราง และจี่หอย ทางด้านหลังทูนอินทร์และอินทร
“หล่อทั้งพี่ ทั้งน้องเลยนะเนี่ย” จวงใจแซว
อินทรทำเขินอายเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ”
รุ้งระวีมองมาทางทูนอินทร์อย่างคุ้นตา
“ไปรุ้ง กินข้าวเที่ยงก่อนแล้วค่อยอาบน้ำนะ” จี่หอยชวน
“ค่ะ”
ทูนอินทร์และอินทรสะดุ้ง ไม่กล้าหันไป ส่วนจวงใจและจุ๊บแจงมองมาที่รุ้งระวี แล้วเชิ่ดใส่ ทั้งสามคนเดินมาถึงทางแยก เลี้ยวไปอีกทาง
“แต่เอ เราเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อนไหม มันคุ้นๆนะ” จวงใจจ้องหน้าทั้งสองหนุ่ม
“ไม่นะครับป้า” ทูนอินทร์รีบบอก
จวงใจเจื่อนไปทันที
“ลาละครับป้า”
ทูนอินทร์และอินทรไหว้ลา แล้วแยกไป
“แจง พี่แก่จนเป็นป้าแล้วเหรอ” จวงใจหันขวับไปถามจุ๊บแจง
“พอได้ค่ะ”
จวงใจค้อนจุ๊บแจงที่ยังทำหน้าปลื้มทูนอินทร์

ที่ห้องอาหารกลุ่มรุ้งระวี กับกลุ่มจุ๊บแจงนั่งทานอาหารอีสานกันคนละมุม ทั้งสี่มองมาทางกลุ่มรุ้งระวีแล้วหัวเราะกัน
“มันหัวเราะอะไรเราน่ะ” จี่หอยสงสัย
“ไม่ทราบค่ะ” มะปรางตอบ
ขวัญข้าวแกล้งถามเสียงดัง
“น้องรุ้งคะ ไม่ทราบว่าเป็นฝรั่งที่มีแหล่งกำเนิดแถวไหนคะ ถึงได้ทานลาบส้มตำ ได้ราวกับคนพื้นที่ร้อยเอ็ดของแท้”
“ก็คงเกิดแถวนั้นมังคะ” รุ้งระวีพูดด้วยอย่างเบื่อๆที่ถูกหาเรื่อง
“อุ๊ย พูดเหมือนไม่รู้ถิ่นกำเนิด พวกไร้ราก” จวงใจกัด
“แหม...อย่าไปว่าน้องเขา น้องเขาก็ทานเผ็ดอ่อนๆเท่านั้นแหละ จะได้แกล้งให้ดูเป็นไทย”อาชาแกล้งพูด
“ฉันไม่ได้แกล้ง ฉันคือคนไทย เผ็ดกว่านี้ฉันก็ทานได้” รุ้งระวีโต้ทันที
ทั้งสี่หันมาทำเสียงล้อเลียนรุ้งระวี
“ไม่มีใครเขาเชื่อ ถ้าเธอไม่พิสูจน์” จุ๊บแจงรีบยุ
“นี่ กินของพวกแกไปเถอะ แล้วหยุดยุ่งกับพวกเราได้แล้ว” จี่หอยรำคาญ
“พิสูจน์ก็ได้”
รุ้งระวีโมโห เทพริกป่นลงในจานส้มตำจนแดงไปทั้งจาน
“พี่รุ้ง จะไหวเหรอคะ” มะปรางเป็นห่วง
“สบายอยู่แล้ว”
รุ้งระวีจิ้มส้มตำทานหน้าตาเฉย อาชากระซิบ
“ยิ่งเผ็ดยิ่งได้ผล”
“เก่งนี่” จุ๊บแจงแกล้งชม เพราะรู้เข้าใจว่าในจานส้มตำมียาระบาย
“ระวังนะ ทำเก่งกินเผ็ดแบบนี้ ท้องไส้มันจะปั่นป่วน และเกิดอาการที่เรียกว่า ท่อทวารแตก ฮ่ะฮ่ะ” อาชาพูดไปหัวเราะไป
ขวัญข้าว จวงใจ จุ๊บแจง หัวเราะพร้อมกัน
“ถ้ำทองระเบิด” ขวัญข้าวเสริม
ทั้งสี่หัวเราะดังกว่าเดิม แล้วทันใดเสียง ปู้ด ดังลั่น ทุกคนเงียบเสียง
“เสียงอะไรน่ะ เสียงอะไร” อาชาถาม
ทุกคนปิดจมูกทันที
“ต๊าย...มาพร้อมกลิ่น ใครตด” จี่หอยตกใจ
“ก็ต้องพวกแกนั่นแหละ ของมันออกฤทธิ์แล้วละซี้” อาชาสะใจ
“ทางฉันไม่มีใครตด กลิ่นมาจากพวกแกนั่นแหละ” จี่หอยโต้
“ไม่ใช่พวกฉันแน่นอน”
ขาดคำอาชา เสียงปู้ดอีกที อาชาสะดุ้ง กุมก้นตัวเอง
“นังม้า เสียงมันมาจากแกจริงๆนะ” ขวัญข้าวเบ้หน้า
“อ้าว ไม่ได้มาจากพวกมันหรอกเหรอ”
“เปล่า”
เสียงป้าดชัดเจนดังขึ้น อาชาสะดุ้งทั้งตัว
“โอ๊ย กินไม่ลงแล้ว นังม้า นังอุบาว์ท” จี่หอยวีน
“แกรีบไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย” ขวัญข้าวไล่อาชา
“เดี๋ยว ต้องค่อยๆเดิน เดี๋ยวหลุดชิ้นส่วน”
ขวัญข้าวเข้าประคอง แล้วเสียงปู้ด ดังขึ้นอีก
“ตดออกมาอีกทำไม”
“ฉันเปล่านะ ฉันขมิบแล้ว”
“อ้าว”
ปู้ด! ขวัญข้าวตดออกมา แล้วร้องลั่น
“ว้าย ของฉันเหรอ”
“นังขวัญ ของแกแน่ๆ ลมเข้าหน้าฉันเลย อ้วก” จวงใจโวย
“เฮ้ย....งั้น ฉันเข้าห้องน้ำก่อน”
“ไม่ได้ฉันเข้าก่อน”
ทั้งสองแย่งกันเข้าห้องน้ำ หายเข้าไปทั้งคู่
“เหม็นมาก ทานไม่ลงแล้วค่ะ” มะปรางส่ายหน้า
“ไปเถอะ ให้พวกมันดมกลิ่นกันเอง”
จี่หอย รุ้งระวี มะปรางแยกไป
“ทำไมพวกมันไม่เป็นอะไรละคะ พี่จวง” จุ๊บแจงงง
“นั่นซี แล้วทำไมพวกเราขี้แตกเสียเองล่ะ”
“หรือว่า ที่พวกเรากิน”
ทั้งสองหันมามองอาหารบนโต๊ะ แล้วร้องกรี๊ดขึ้นพร้อมกัน
“เรากินยาถ่ายนังม้าเหรอ”
“ไม่จริงนะพี่”
ทันใดเสียงปู้ดดังขึ้น จุ๊บแจงกุมก้น
“อุ๊ย”
“ยายแจง อย่าบอกนะแกด้วย”
“มาเร็วมาแรงค่ะ หนูเข้าห้องน้ำก่อน”
“ตายแล้ว นี่มันอะไรกัน”
จวงใจสะดุ้งเฮือก หุบขา ขาสั่น
“อุ๊ย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง แจง รอพี่ด้วย พี่ไม่ทันแล้ว ใครก็ได้ซื้อผ้าอ้อมเด็กให้หน่อย ว้าย มาอีกแล้ว”
จวงใจโผเผ วิ่งหนีบขาออกจากห้อง

รุ้งระวีเซ็งกับกลุ่มจุ๊บแจงที่หาเรื่องอยู่ตลอดเวลา จึงเดินออกมาสงบสติอารมณ์ที่มุมสวนหย่อมนอกบริษัท มือถือของรุ้งระวีดังขึ้น เธอกดรับเมื่อเห็นเบอร์แปลกๆ
“ฮัลโหล ใครคะ”
ทูนอินทร์ หลบอยู่ข้างรถที่ลานจอด ซึ่งมองเห็นรุ้งระวียืนอยู่ ขณะที่เมธและอินทรรออยู่ในรถแล้ว
“ผมเองนะ”
“นายเคน” รุ้งระวีจำเสียงได้
“ครับ....ลาบส้มตำอร่อยไหมครับ”
“เอ๊ะ รู้ได้ยังไงว่าฉันทานลาบส้มตำ”
“ผมมีตาทิพย์น่ะ เห็นคุณหมดเลยทั้งตัว”
รุ้งระวีมองไปรอบๆ
“เห็นอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ”
“ดีแล้วละครับ ที่คุณทานลาบส้มตำที่ไม่ได้วางยาลงไปน่ะ”
“หา....ฉันโดนวางยาเหรอ”
“แม่นแล้วครับ ดีนะ ที่ผมมีคาถาวิเศษ ช่วยให้อาการท้องร่วงฉับพลันไปเกิดกับพวกนั้นแทน”
“นี่นายเคน บอกฉันมานะ นายอยู่ที่ไหน หลบอยู่ที่ออฟฟิซนี่ใช่ไหม”
“ไม่บอก อิอิ ผมไปละ”
“เดี๋ยว นายเคน”
ทูนอินทร์กระโดดขึ้นรถ
“แก นี่มันช่างแกล้งเขาจริงๆนะ”เมธขำๆ
อินทรขับรถออกทันที
รุ้งระวีมองไปรอบๆสวน จี่หอย มะปรางออกมาพอดี
“พี่หอย ปราง เห็นนายเคนไหม”
“เคนไหน นายแฟนคลับน่ะเหรอ มาที่นี่เหรอ” จี่หอยสงสัย
“ค่ะ อยู่ที่นี่แน่ๆ”
เสียงรถแล่น รุ้งระวีวิ่งไปที่ลานจอดรถ พยายามจะวิ่งตามรถแต่ไม่ทัน จี่หอยและมะปรางตามมา
“มีอะไรคะพี่” มะปรางงง
“นายเคนอยู่ที่นี่ น่าจะรถคันนั้นละ”
“หา....แล้วมาทำไม” จี่หอยตาโต
“ไม่ทราบค่ะ แต่เขามาช่วยเราอีกแล้ว”
“ช่วยอะไรเราคะ”
“ช่วยให้เราไม่โดนวางยาจากนังพวกนั้นน่ะซี ลาบส้มตำที่ทานกันเมื่อกี้น่ะ”
จี่หอย กับมะปรางร้องออกมาพร้อมกัน
“หา…วางยา”
อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์