หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5/2

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5/2
ค่ำคืนนั้น...แสงหล้าเดินโซเซถือขวดเหล้า ผ่านร้านข้าวต้ม ที่เจ๊เล้ง และโส่ยผู้ช่วยกำลังเปิดร้าน ใกล้ๆกันบรรดาร้านก๋วยเตี๋ยวจัดร้านกันขมักเขม้น
“เมาอีกแล้ว นังแก่เอ๊ย” เจ๊เล้งเห็นแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“ทำไม ข้าเมา แล้วมันหนักกบาลเอ็งเหรอ อีซิ่ม” แสงหล้าโวยวาย
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวสวย เดี๋ยวสวย”

“สวยซีวะ เมื่อก่อนข้าสวยจะตาย ทั้งสวยทั้งเสียงดี แขกในบาร์น่ะ ทิปข้าเป็นพัน”
“ทิปให้เต้นจ้ำบ๊ะเหรอ” โส่ยเยาะ
ทุกคนพากันหัวเราะขำๆ
“ให้ข้าร้องเพลงให้ฟังโว้ย เสียงข้าน่ะ เขาเรียกว่าเสียงนกคีรีบูน”
“ต่างจากนกแสกไหมวะ”
แม่ค้าแกล้งแซว
“นี่ ไปว่ามันไม่ได้นะ เคยได้ยินมันร้องในกองขยะน่ะ เฮ้ย มันร้องเพราะเหมือนนักร้องอาชีพเลยนะโว้ย”
“จริงอ๊ะ ถ้างั้น ลองให้ดูหน่อยเด๊ะ ถ้าเพราะจริง เดี๋ยวให้กินข้าวต้มฟรี” เจ๊เล้งยื่นข้อเสนอ
“ได้ เอาเหล้ามาแบนด้วยก็ดีๆ”
“ชักจะมากไปแล้ว” โส่ยเริ่มรำคาญ
“พวกเอ็งฟังนะ เพลงนี้ข้าร้องกล่อมลูกข้าให้นอน ลูกสาวข้า”
แสงหล้ายืนอยู่กลางกลุ่มแม่ค้า แล้วเริ่มร้องเพลง เสียงนั้นสั่นรัวเล็กน้อย แต่แล้วเมื่อร้องท่อนแรกเสียงที่วอร์มนั้น ก็กลายเป็นเสียงอันทรงพลัง และไพเราะ รวมทั้งการเอื้อน และเล่นลูกคอเนื้องเพลงที่พูดถึงลูกอันกินใจ ทำให้กลุ่มแม่ค้านิ่งฟังตะลึงกันไป แสงหล้าร้องท่อนแยก แล้วโหนเสียงได้ไพเราะ แต่แล้วท่อนต่อไป ก็เริ่มแหบแห้ง และไอโขลก จนร้องต่อไม่ได้
“อ้าว....ล่มเสียแล้ว”
แสงหล้าเซไปนั่งที่แผงตลาด ไอและหอบตัวโยน
“ไง จะให้ข้าวต้มมันกินไหม” แม่ค้าหันไปถามเจ๊เล๊ง
“เออ มันร้องเพราะว่ะ ให้ข้าวต้มมันชามนึง เอาบุญ”
แสงหล้าในเวลานั้น น้ำตาไหลพราก คิดถึงแต่ลูกสาว

สองวันต่อมา...บนเวทีคอนเสิร์ต ท่ามกลางแฟนเพลงมากมาย ขวัญข้าวออกมาร้องเพลง พร้อมกับหางเครื่องมากมาย เพลงลีลาเร้าใจ เธอเต้นอย่างเซ็กซี่ยั่วยวน
ขณะเดียวกันที่ห้องแต่งตัวด้านหลัง จวงใจ จุ๊บแจงและอาชากำลังแต่งหน้าแต่งตัวกันมุมหนึ่ง ส่วนรุ้งระวี จี่หอยและมะปราง ช่วยแต่งหน้าทำผมอยู่อีกมุม แยกห่างจากกัน ทั้งสามชำเลืองมองมาทางรุ้งระวีอย่างหมั่นไส้
“มันได้นั่งที่กระจกตัวใหญ่สุดเลยนะ” อาชาบ่น
“ที่ที่แจงเคยนั่ง คุณอิทธิจัดให้มัน” จุ๊บแจงไม่พอใจเช่นกัน
อิทธิเดินเข้ามาเพื่อดูความเรียบร้อย เดินตรงไปหารุ้งระวีทันที
“เป็นยังไงบ้างรุ้ง”
“ตื่นเต้นค่ะ”
“ออกคอนเสิร์ตครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ ทำใจให้สบายนะ”
อิทธิจับไหล่รุ้งระวีบีบ แจงมองอย่างรังเกียจเต็มที
“งานนี้ ผมเรียกทีมงานเบื้องหลังมาถ่ายทำรุ้งด้วยนะ”
“เบื้องหลัง”
“ใช่....เป็นทีมที่จะผลิตมิวสิควิดีโอให้เราไงล่ะ เตรียมงานกันอยู่ข้างนอก”
“ค่ะ”
อิทธิกันไปมองรอบๆ
“ทุกคนฟังนะ งานนี้เป็นคอนเสิร์ทครั้งแรกของรุ้ง ช่วยกันหน่อยแล้ววันนี้มีถ่ายทอดสดด้วย ระวังอย่าให้ผิดคิว”
จุ๊บแจงกระแทก
“ค่ะ พวกเราไม่ผิดคิวอยู่แล้ว กลัวแต่คนไม่เจนเวทีนั่นแหละ จะพาเสียกันทั้งคณะ”
รุ้งระวีอึ้งไป ทุกคนเงียบ บรรยากาศอึดอัด
“แจง ดูแลตัวเองดีกว่าก่อนจะว่าคนอื่น เพราะคนที่ผิดคิวตลอด คือเธอ”
จุ๊บแจง กัดฟันด้วยความโกรธ จี่หอย มะปรางยิ้มสะใจ ขณะที่อิทธิเดินออกไป จวงใจประชดเสียงดัง
“แจงเอ๊ย.....แกต้องทำใจว่ะ นี่ขนาดมันยังไม่ได้เสียตัวเป็นเมียน้อย มันยังอภิสิทธิ์ได้ขนาดนี้”
“ไม่แน่หรอกค่ะพี่ มันอาจจะเสียตัวไปแล้วก็ได้ แต่มาทำลอยหน้าว่ายังบริสุทธิ์อยู่”
รุ้งระวีหันขวับมาทางกลุ่ม จะเอาเรื่อง
“ไม่ต้องรุ้ง วันนี้วันคอนเสิร์ตของเรา อย่าไปยุ่งกับมันให้เสียสมาธิ” จี่หอยเตือน
อาชาแกล้งแหย่ต่อ...
“เอ....หลอกทุกเรื่องเลยเนอะ ทั้งเรื่องไม่ใช่แหม่มแอลเอจริง ทั้งเรื่องเสียตัวแล้ว
แต่มาทำตาใส ว่ายังบริสุทธิ์ อย่างนี้เขาเรียกนังสะตอตัวแม่ เลยนะ”
“แหลระดับชาติ” จวงใจเสริม
จุ๊บแจง จวงใจ อาชา หัวเราะกันลั่น แล้วทันใดถาดโรลม้วนผมถูกเหวี่ยงมากลางวง โรลม้วนกระจาย ทั้งสามร้องกรีด
“นังฝรั่ง กล้าดียังไง มาโยนของใส่พวกฉัน” อาชาโวย
“ให้หุบปากไง ถ้าพวกแกยังว่ากระทบฉันอีก ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว แล้วถ้าฉันลุกขึ้นสู้ หมาหมู่อย่างพวกแกจะหนาว”
“เก่ง กล้า นังชะนี เคยโดนก้ามปูตบไหม นี่...เห็นกล้ามไหม เป็นมัดๆ ผู้ชายยังหนีกระเจิงมาแล้ว” อาชายกกล้ามโชว์
รุ้งระวีจะเดินเข้าหาอาชา จี่หอยรั้งไว้ อาชาพร้อมสู้
“รุ้ง พอเถอะ”
“อย่าห้ามค่ะ สุดจะทนแล้ว”
รุ้งระวียิ้มหวานเดินเข้าหาอาชา แล้วมาลูบที่กล้ามแขน อาชาสะดุ้ง
“อย่ามาแตะกล้ามฉันนะ”
“ขอแตะหน่อยเถอะ แหม กล้ามใหญ่จัง เสียดายไม่น่าเป็นเก้ง กวางเลย หล่อออกอย่างนี้ ขอเป็นแฟนหน่อยได้ไหมตัวเอง”
“ยี้ ขยะแขยง อย่ามายุ่งกับฉันนะนังฝรั่งวิปริต”
รุ้งระวีโอบรอบคออาชา
“เก้งหล่อๆอย่างพี่อาชา ที่จริงยังไม่รู้ตัวเองหรอกว่าชอบเพศไหนกันแน่ บางทีพี่อาจจะรู้สึกสปาร์คกับสาวสวยอย่างรุ้งก็ได้”
อาชาผลักรุ้งระวีไปอย่างแรง
“แก แกดูถูก หยามเกียรติเก้งอย่างฉัน ขอตบหน่อยเถอะ”
อาชาเงื้อมือจะตบ รุ้งระวีชกสวนกลับไปทันทีเข้าเต็มหน้า อาชาหงายผลึ่งไปทางจวงใจและจุ๊บแจง ทั้งสองช่วยรับอาชาไว้
“นังแจง ทำไมห้องมันมืดๆ”
“พี่คงใกล้สิ้นสติ มันชกพี่”
อาชาคลำจมูก เลือดไหลออกมา
“กรี๊ดดดด...อาชาโดนชก อย่าอยู่เลยมึง”
อาชาทะยานจะเข้าชกรุ้งระวี พุ่งหมัดเข้าหา รุ้งระวีหลบทัน แล้วหมุนตัวเตะอาชากระเด็นไปโดนกล่องเครื่องสำอางล้มกระจาย จวงใจและจุ๊บแจงตะลึง
“รุ้ง เป็นวิชามวยด้วยเหรอ” จี่หอยถาม
“เคยฝึกมาค่ะ จำไว้นะ ถ้ารังแกฉันอีก จะโดนเหมือนนังตุ๊ดเตี้ยตัวนี้”
รุ้งระวีหันหลังจะออกจากห้อง จุ๊บแจงและจวงใจพยักหน้าให้กัน กระโดดเข้าสกรัมรุ้งระวี
“พี่รุ้งระวัง” มะปรางร้องเตือน
รุ้งระวีเซไปที่หน้ากระจก จวงจับรุ้งระวียึดแขนไพล่หลังไว้ แล้วกระชากหันมาทางจุ๊บแจง
“แจง ตบมัน”
จุ๊บแจงตบหน้ารุ้งระวีสองฉาดอย่างแรง เครื่องประดับกระเด็นกราวกับพื้น จี่หอยเข้ามาจิกผมจวงใจจนหน้าหงายจนต้องปล่อยแขนรุ้งระวี
“ขอตบหนังแก่หนังยานหน่อยเถอะ”
จี่หอยตบจวงใจกระเด็นไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ข้าวของกระจาย หอยตามไปจิกผมอีก
รุ้งระวีจับมือของจุ๊บแจงไว้ได้ แล้วตบด้วยหลังมือ จุ๊บแจงล้มไปที่พื้น
อาชาลุกขึ้นมาได้ เห็นจี่หอยกำลังสู้กับจวงใจ จึงเข้าล็อคคอ จี่หอยมองกล้ามแขนอาชา
“ต๊าย ชอบมาก กล้ามใหญ่ๆแบบนี้”
จี่หอยกัดที่กล้ามแขน อาชาร้องโหยหวน ทางด้านจวงใจเข้าไปช่วยจุ๊บแจงจิกผมรุ้งระวีจนหน้าหงาย
“วันนี้ฉันจะกระชากหนังหน้าแกออกมา “
มะปรางเข้ามาด้านหลัง แล้วเข้ายึดแขนจวงใจไว้
“จัดการเลยค่ะ พี่รุ้ง”
“ขอบใจมากปราง ฉันรอบทนี้มานานแล้ว นังแก่ ขอคืนแบบรวบยอดเลยนะ”
รุ้งระวีตบจวงใจหน้าหันซ้ายขวา จวงใจกรี๊ด จุ๊บแจงเข้าข้างหลังรุ้งระวีแล้วจิกผม ขณะเดียวกัน อิทธิวิ่งเข้ามาพร้อมทูนอินทร์ และอินทร
ทูนอินทร์ถือกล้องแบกบ่า กำลังถ่ายเข้ามาด้วย ทั้งทูนอินทร์และอินทรใส่หน้ากากกันเชื้อโรคบังหน้า มีคมและเดชตามเข้ามาด้วย
ภาพจากกล้องที่ทูนอินทร์ถืออยู่ รุ้งระวีกำลังถูกแจงจิกผมหน้าหงาย จวงใจหันไปตบหน้ามะปราง อาชากับจี่หอยปล้ำกันอยู่ที่พื้น เป็นที่ชุลมุน
“เฮ้ย...หยุด หยุด”
อิทธิ คม และเดชเข้ามาแยกทั้งสองกลุ่มจากกัน รุ้งระวียังดิ้น อยากจะเข้าไปตบจั๊บแจงและจวนใจอีกฉาด ทูนอินทร์กระโดดเข้าไปถ่ายหน้าของรุ้งระวี
“ปล่อยฉัน เอ๊ะ...แล้วมาถ่ายอะไรฉันตอนนี้”
รุ้งระวีกระชากกล้องจากมือของทูนอินทร์ แล้วชกโครมเข้าเต็มหน้า ทูนอินทร์กระเด็นไปนั่งแอ้งแม้งที่เก้าอี้ กล้องจะหลุดมือ อินทรรีบเข้ามาช่วยรับกล้องไว้ได้
“พอ พอ ทุกคนหยุด” อิทธิสั่ง
อิทธิ มองกวาดไปทั้งห้อง ข้าวของกระจายเกลื่อน ชุดของ จุ๊บแจง ฉีกขาด อาชาหน้าบวม
“กำลังจะออกเวทีแท้ๆ ยังจะทะเลาะกันอีก ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ หอย จวง ดูแลกันยังไง”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ทางนั้นหาเรื่องเราก่อน ทางเราก็สุดจะทนแล้ว” จี่หอยมองจวงใจอย่างโมโห
“ไม่จริง ทางแกนั่นแหละหาเรื่องเราก่อน” จวงใจโต้
จุ๊บแจงร้องไห้โฮ วิ่งเข้ามากอด อิทธิ
“คุณอิท มันทำร้ายแจง มันตบแจง ฮือ”
อิทธิรำคาญ ดันร่างจุ๊บแจงถอยออก
“ว่าไงรุ้ง”
“ไม่ปฏิเสธว่าฉันชกพวกมันก่อน เริ่มจากนังตุ๊ดเตี้ยนั่น กวนประสาทดีนัก จากนั้นนังสองตัวนี่ก็เข้ารุมฉัน ฉันก็เลยต้องแสดงให้เห็นว่า อย่ามาเล่นกับคนที่เรียนแม่ไม้มวยไทยอย่าง....ฉัน”
ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากันอย่างทึ่ง อิทธิยิ้มพอใจ
“เอาละ จบเรื่องเท่านี้ แต่งตัวใหม่ คิวต่อไปคืออาชา กับแจง”
“คุณอิท จะให้เราออกไปร้องอีกเหรอครับ จมูกอาชาเบี้ยวแล้วเนี่ย” อาชาบ่น
“แจงออกไปร้องไม่ได้แล้วค่ะ หน้าบวมแบบนี้” จุ๊บแจงอ้อน
“ถ้าไม่ร้อง ก็กลับบ้านไป งานนี้ขวัญข้าว กับรุ้งร้องกันสองคนดีไหม”
“ไม่ดีครับ ร้องก็ร้อง หอย พารุ้งไปแต่งอีกห้อง”
“ค่ะ”
จี่หอยพารุ้งระวีออกไป อิทธิ มะปราง ทูนอินทร์และอินทรตาม ขณะที่คมและเดชหัวเราะขำๆ
“หน้าบวมไม่จืดเลยเจ๊จวง”
“อย่ามายุ่งนะ ไปไหนก็ไป”
คมและเดชออกจาก ขณะที่จวงใจ จุ๊บแจง อาชา มองหน้ากัน แล้วร้องไห้โฮออกมาพร้อมกัน

ขวัญข้าวทั้งร้องทั้งเต้นอย่างสนุกสนาน จังหวะที่ช่วงดนตรีบรรเลง เธอรีบเดินเข้ามากระซิบกับทีมงาน
“ต่ออีกสองเพลงเหรอ ทำไมล่ะ นังม้ากับนังแจงต้องออกมาแล้วนี่”
“มีปัญหานิดหน่อยพี่”
“เสียงจะไม่มีอยู่แล้วนะ”
ขวัญข้าวบ่น แล้วยิ้มแย้มออกไปหน้าเวที
“ขอขอบคุณแรงใจและพวงมาลัยจากพ่อแม่พี่น้องนะคะ ขวัญมีอีกสองเพลงที่จะมอบให้มิตรรักแฟนเพลงของขวัญ รับชมรับฟังค่ะ”

เพลงจังหวะสนุกสนานถูกบรรเลงต่อ ขวัญข้าวเต้นด้วยท่าทางสุดเซ็กซี่ เรียกเสียงเชียร์ดังลั่น
รุ้งระวีนั่งลงหน้ากระจก ภายในห้องแต่งตัวเล็ก จี่หอยและมะปรางช่วยซ่อมแซมหน้า และรอยช้ำ ขณะเดียวกันทูนอินทร์ยังคงถ่ายภาพเบื้องหลังรุ้งระวี โดยมีอินทรเป็นผู้ช่วย อิทธิมองๆอย่างเป็นห่วง

“ไหวไหมรุ้ง”
“ไหวซีคะ ได้เอาคืนเสียบ้าง สบายใจมาก”
“ค่ะ สะใจ อีพวกนักร้องสวะ ใจแคบ เห็นใครดังกว่าเป็นไม่ได้” จี่หอยสะใจเช่นกัน
“พี่หอย มีกล้องถ่ายอยู่นะคะ” มะปรางเตือน
“ว้าย อย่าเพิ่งถ่ายได้ไหมคะ”
จี่หอยรีบห้าม อิทธิโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรถ่ายไปเถอะ...ไม่ยักรู้ว่ารุ้งเคยเรียนแม่ไม้มวยไทยมาก่อน”
“ค่ะ”
“ท่าทางจะหมัดหนักนะ ไง ผู้กำกับ โดนเข้าไปหนึ่งหมัด”
ทูนอินทร์ที่ยังใส่หน้ากากปิดครึ่งหน้าอยู่ พูดผ่านหน้ากาก
“ยืนยันครับว่าหมัดหนักจริงๆ จมูกผมบวมเลย”
รุ้งระวี มะปราง จี่หอย มองทั้งทูนอินทร์และอินทร อย่างคุ้นหน้าคุ้นเสียง
“เสียงคุ้นมากเลยนะพี่หอย”
“นั่นซี”
“ผู้กำกับอะไรคะ”
รุ้งระวีหันไปถาม อิทธิแนะนำ
“ผู้กำกับมิวสิคไง ที่จะมาร่วมงานกับเรา คุณทูนอินทร์ และนี่น้องชายเขา อินทร”
ทูนอินทร์ กับอินทรทักทายพร้อมกัน
“สวัสดีครับ”
“ไม่เปิดหน้าให้ดูหน่อยเหรอคะ เสียงคุ้นหูจัง” รุ้งระวีถาม
“อยากดูรอยช้ำ ที่ชกผมเมื่อกี้ใช่ไหมครับ ได้ครับ”
ทูนอินทร์และอินทรเปิดหน้าออกพร้อมกัน รุ้งระวี จี่หอย มะปราง ตะลึง
“นาย...นายเคน...นายธีรเดช”
ทูนอินทร์และอินทร รีบหลิ่วตาและส่ายหน้าให้ทั้งสาม
“อ้าว รู้จักกันเหรอ” อิทธิแปลกใจ
รุ้งระวีรีบเปลี่ยนท่าที
“ไม่รู้ค่ะ นึกว่าดาราพระเอกคนนั้น”
“ใช่....ตอนแรกนึกว่าเคน” จี่หอยบอกบ้าง
“หน้าตาละม้ายกันนะคะ” มะปรางรีบเสริม
อิทธิมองหน้าทูนอินทร์และอินทร
“เหมือนตรงไหน ดูยังไงก็ไม่เหมือน”
ฝ่ายเวทีชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง
“นายครับ อีกยี่สิบนาทีนะครับ ขอรุ้งพร้อมนะครับ”
“ได้ เอ้า ทำความรู้จักกันไปก่อน ผมจะไปดูงานข้างนอก”
“เชิญครับ”ทูนอินทร์ยิ้มให้
อิทธิออกไป ทูนอินทร์ และอินทรยิ้มร่า รุ้งระวีสั่งทันที
“มะปราง ปิดประตู ล็อกเลย”
มะปรางล็อกประตู รุ้งระวีลุกขึ้น
“บอกความจริงมา นายเป็นใครกันแน่”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าชกผมอีกนะ คราวนี้ผมสู้นะ”
รุ้งระวีกระชากคอเสื้อทูนอินทร์
“นายเป็นใคร”
ทูนอินทร์แนะนำตัว
“ผม นายทูนอินทร์ อินสรวงครับ”
“ผม อินทร อินสรวง น้องพี่ทูนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
รุ้งระวี จี่หอย มะปราง มองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อนัก
“ไม่ใช่ว่าอีกสองวัน มาบอกพวกฉันว่านายมีชื่ออื่นอีกนะ” รุ้งระวีถาม
“อาชีพอื่นด้วย” มะปรางเสริม
“นี่ชื่อจริง เสียงจริง อาชีพจริงของผมครับ” ทูนอินทร์รีบบอก
“แล้วพวกพี่ เข้ามาทำงานกับคุณอิทธิได้ยังไง” มะปรางสงสัย
“นั่นซี เป็นผู้กำกับมิวสิคจริงรึเปล่า”
“จริงครับ วันที่คุณรุ้งนัดเจอนายอิทธิที่ร้านอาหาร นายอิทธิบังเอิญมาเจอพี่เมธ ก็เลยชวนมาทำมิวสิคให้คุณรุ้ง” อินทรเล่า
“จะเชื่อดีไหมเนี่ย”
“ไม่เชื่อ ก็ลองถามคุณอิทธิดูก็แล้วกัน”
“ถ้าทุกอย่างเป็นความจริง นายก็เป็นทั้งผู้กำกับมิวสิค เป็นทั้งนักร้องนักแต่งเพลงแถมยังอีกอาชีพ” รุ้งระวีจ้องหน้า
“ครับ”
“นักปลอมแปลงตัวเอง เป็นอาชีพโน้นอาชีพนี้”
“ใช่...เป็นทั้งภารโรงสนามบิน นักข่าวชายแท้” มะปรางพูดต่อ
“นักข่าวกะเทย” จี่หอยเสริม
“นายมีวัตถุประสงค์อะไร มาตามฉันแบบนี้” รุ้งระวีถามเสียงเข้ม
“บอกดีไหมวะ” ทูนอินทร์หันไปถามอินทร
“บอกไปเถอะพี่”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีด้วยอาการเขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่รุ้งระวีมองมาอย่างดุๆ
“ผมอยากได้คุณน่ะ”
“ว้าย!”
รุ้งระวี่ จี่หอย มะปรางร้องออกมาพร้อมกัน
“พี่..พูดให้จบความ” อินทรีบบอก
“เออ หมายถึง ผมอยากได้คุณ มาเป็นนักร้องในสังกัดผมน่ะนี่คุณ...ทีหลังอย่ามองจ้องผมแบบนั้นซี”
“ทำไม ฉันจ้องแล้วเป็นอะไร”
“ไม่รู้ คุณจ้องมากๆ ผมก็จะ...ขวย”
“อะไร ขวย”
“ขวยเขิน...ประหม่า...ใจเต้น แล้วก็....พูดจาลามกใส่คุณโดยไม่รู้ตัว”
“โรคจิตชัดๆเลย”
“นี่ มองหน้าฉันซิ” จี่หอยสั่ง
ทูนอินทร์มองหน้าจี่หอย
“อยากพูดจาลามกใส่ฉันบ้างไหม”
“ไม่เลยครับ ไม่มีอารมณ์เลย”
“แสดงว่าไม่ได้โรคจิตจริงน่ะรุ้ง เพราะเขาเป็นกับรุ้งคนเดียว”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างไม่วางใจ ขณะที่เจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนอินทรหันไปยิ้มกับมะปราง ปรางเชิ่ดใส่ อินทรเลยเจื่อนไป

ขวัญข้าวเต้นจนเหนื่อยกระทั่งเพลงจบลง จึงประกาศต่อ
“และลำดับต่อไป เชิญพบหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆค่ะ น้องม้าอาชา อาชาไนย”
อาชาออกมาในชุดใหม่ หน้ามีพลาสเตอร์บางใสแปะไว้ แต่ยังบวมช้ำ คนดูปรบมือ
“ไงคะน้องม้า หน้าไปโดนอะไรมา” ขวัญเข้าแปลกใจ
“แฟนคลับจูบนะครับ”
“จูบหรือกระทืบคะ รอยเท้าไม่ใช่เหรอ”
“โธ่ พี่ขวัญครับ นี่ปากคนเหรอ วันหลังไปทำบุญปล่อยของดำออกจากตัวบ้างนะ”
“ปล่อยอะไรดีล่ะ”
“ทั้งตัวเลยไง มีตรงไหนขาวบ้างล่ะ เหงือกยังดำเลย เอาละ ออกมาร้องพอแล้ว กลับเข้าคอกไปเถอะ”
“มันไล่แล้ว ไปก็ได้... ขอเชิญรับชมรับฟัง อาชา อาชาไนยค่ะ”
ขวัญข้าวกลับไป เพลงขึ้น อาชาเต้นเข้าจังหวะ สาวๆกรี๊ด วิ่งกรูมาให้พวงมาลัย อาชาไหว้รับพวง แล้วร้องต่อ มีจังหวะเต้นท่าเซ็กซี่ สาวๆพากันกรี๊ดดด
เมื่อเพลงจบ อาชาถอดพวงมาลัยเต็มคอ ส่งให้ทีมงาน แล้วแดนซ์กระจายกับหนุ่มหางเครื่อง ได้จังหวะถอดเสื้อตัวนอกออกพร้อมกัน เหลือเสื้อกล้าม สาวกรี๊ดถล่ม อาชามีท่าเบ่งกล้ามโชว์เข้ากับเพลง เพลงจบท่อน อาชาโค้งคำนับคนดู
“รักนะ อาชารักทุกคนเลย”
คนดูกรี๊ดดด
“อาชามีน้องสาวสวยอีกคน ที่เขาอยากมาบอกความลับให้แฟนๆเพลง เชิญพบกับ จุ๊บแจง แตงร่มใบครับ”
จุ๊บแจงออกมาร้องเพลง อาชากลับเข้าหลังเวที

ภาพจากกล้องของทูนอินทร์ เห็นอาชาเข้ามา มองเห็นรุ้งระวี แล้วเชิดใส่
“โอ๊ย....เบื่อ เห็นหน้าอีพวกตัวซวยแล้ว อยากจะอ้วก อ้าว เด็กๆหายไปไหนหมด ช่วยถอดชุดให้หน่อยเซ่ ต้องให้ฉันถอดเองเหรอ”
อาชากลับไปที่ห้องแต่งตัว ทีมงานวิ่งตามไป รุ้งระวีหันไปบอกทูนอินทร์
“คุณ เลิกถ่ายเถอะ เก็บภาพพอแล้วไม่ใช่เหรอ”
ทูนอินทร์เลิกถ่าย
“ครับ”
“มะปราง เข้าไปดูข้างในกันก่อน เดี๋ยวอีพวกป่วนมันทำยุ่งอีก” จี่หอยสั่งมะปราง
“ค่ะ”
“ฝากรุ้งด้วยนะคุณทูน”
“ครับ”
จี่หอยและมะปรางแยกไป ทูนอินทร์มองรุ้งระวีที่มือสั่นเล็กน้อย
“กลัวเหรอ”
“นิดหน่อย ไม่เคยขึ้นร้องที่มีคนเยอะขนาดนี้ อีกอย่าง วันนี้มีถ่ายทอดสดด้วย ไม่รู้จะพลาดบนเวทีรึเปล่า”
“มานี่ซีครับ”
ทูนอินทร์จับมือรุ้งระวีให้ลุกขึ้น แล้วพามาที่หลืบเวที จุ๊บแจงกำลังร้องและเต้น คนดูสนุกสนานไปตามจังหวะเพลง
“จำได้ไหม วันที่เราเจอกันวันแรก”
“นักร้องลงตุ่ม”
“นั่นละครับ ที่ผมลงไปร้องเพลงในตุ่ม เพราะผมกลัวน่ะ”
“กลัวอะไรคะ”
“กลัว....เอ้อ...ถูกกัดขาด”
“กัดอะไรขาด”
“ไม่มีอะไรครับ อย่าไปสนเลย เอาเป็นว่าผมกลัวที่จะออกมาร้องเพลงต่อหน้าผู้คน แต่แล้ววันนั้นคุณ ก็ช่วยให้ผมออกมาร้องกลางตลาดจนได้ คุณทำให้ผมกล้า”
“เพราะอะไร”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ตอนแรกที่ผมร้องน่ะ ผมไม่คิดอะไรเลย ไม่มอง อ ะไรทั้งนั้น ผมคิดแต่เพลงกับ....”
“คะ”
“คุณ...ผมรู้ว่าผมร้องเพลงนั้น เพื่อให้คุณฟังคนเดียว เห็นแต่คุณที่มาเต้นเป็นกำลังใจอยู่ตรงหน้าผม”
“มันช่วยให้คุณหายกลัวเหรอคะ”
“ครับ....คราวนี้ ถ้าคุณกลัว ก็ลองทำอย่างที่ผมแนะนำ”
“ให้นึกเพลง และหน้าคุณ”
“ครับ นึกถึงหน้าหล่อๆของผม อิอิ พูดเล่นน่ะ นึกถึงใครก็ได้ที่คุณอยากร้องเพลงนั้นให้ อาการกลัวของเรา มันจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง”
“ขอบคุณค่ะที่แนะนำ”
ทีมงานเดินเข้ามา...
“คุณรุ้งครับ พร้อมแล้วนะครับ”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มอบอุ่นให้รุ้งระวี
“โชคดีครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
รุ้งระวีก้าวออกไป โดยมีกลุ่มหางเครื่องกางปีกบังคนดูไว้ ทูนอินทร์มองตามอย่างให้กำลังใจ

จุ๊บแจงร้องจบเพลง คนดูปรบมือ กลุ่มหางเครื่องกางปีกเพื่อให้รุ้งระวีเดินออกมากลางเวที โดยที่คนดูมองไม่เห็น จุ๊บแจง เหลือบไปมองรุ้งระวีทางด้านหลัง

“ขอบคุณค่ะและสำหรับบทเพลงต่อไป เรามาฟังฝรั่งร้องเพลงไทยกันหน่อยนะคะ ดูว่าจะเพี้ยน หรือไม่เพี้ยน”
รุ้งระวีที่ยืนอยู่หลังกลุ่มหางเครื่อง นิ่งงัน บอกตัวเองว่า
‘ไม่คิด ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดถึงแต่เพลง เพลงที่จะร้อง’
ด้านหลังเวที จี่หอยมองอย่างไม่สบายใจ
“นี่มันไม่ใช่ตามสคริปต์นี่คุณ อิทธิ”
อิทธิหน้าเครียด
บนเวที...จุ๊บแจงยิ้มละมัย
“จุ๊บแจง พูดเล่นน่ะค่ะ นักร้องคนนี้เขาร้องไม่เพี้ยนหรอกค่ะ แต่อย่างอื่นเขาจะเพี้ยนรึเปล่าไม่รู้”
กลุ่มจวงใจที่ดูอยู่สะใจ ขณะที่อิทธิไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าพูดมากกว่านี้อีก ไปลากตัวมันเข้ามาเลย”
“ขึ้นเพลงเลยดีกว่าครับคุณอิท” ทูนอินทร์แนะนำ
อิทธิสั่งทีมงาน
“เพลงขึ้นเลย”
ทีมงานสั่งการทางวิทยุทันที
บนเวที...จุ๊บแจงจะพูดต่อ แต่เพลงขึ้นกลบเสียง เธอจึงสะบัดจะกลับเข้าเวที แต่แล้วตัดสินใจ
ผลุบไปด้านหลังกลุ่มหางเครื่อง ที่ยังบังรุ้งระวีอยู่
“ขอให้โชคดีนะ นังสารเลว”
จุ๊บแจงชกเข้าที่ท้องรุ้งระวีเข้าเต็มแรง รุ้งระวีตัวงอ จุ๊บแจงเหยียบลงไปบนเท้าของเธออีกครั้ง
รุ้งระวีทรุดลงไปนั่งกับพื้น จุ๊บแจงสะใจ
“ร้องให้เพราะนะ เพลงที่แกขโมยฉันไปน่ะ”
จุ๊บแจงเดินเข้าไปด้านหลังหน้าระรื่น อิทธิมองอย่างแค้นๆ แล้วอย่างที่ไม่มีใครคาด อิทธิตบหน้า จุ๊บแจงอย่างแรงจนเซไป จวงใจรีบเข้าไปประคอง
“ไป๊ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า”
จุ๊บแจงร้องไห้โฮวิ่งหนีไป จวงใจรีบตาม อาชา ขวัญข้าวหน้าซีด ขณะที่ทูนอินทร์หันไปมองรุ้งระวีอย่างเป็นห่วง ถ่ายรุ้งระวีต่อ ภาพในกล้อง รุ้งระวียังก้มนิ่ง
กลุ่มหางเครื่องลังเลยังไม่กล้าเปิดตัวรุ้งระวี เพราะเธอยังนั่งคุกเข่าอยู่เพราะความเจ็บ รุ้งระวีน้ำตาร่วงเผาะ
“เรียกรุ้งกลับมาเลยดีกว่า งดการแสดงไปเลย” อิทธิสั่ง
“อย่าเพิ่งครับ”
ทูนอินทร์รีบบอกเมื่อเห็นรุ้งระวีค่อยๆยืนขึ้น เช็ดน้ำตา กลุ่มหางเครื่องพยักหน้ากัน แหวกเปิดร่างรุ้งระวี ที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางเวที คนดูปรบมือ
รุ้งระวีก้าวออกมาเบื้องหน้า เท้ากะเผลกเล็กน้อย แต่เธอก็เริ่มร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ”หางเครื่องเต้นอย่างเมามัน รุ้งระวีขยับร่าง เต้นตามไม่ได้ แต่พยายามร้องให้สนุกที่สุด
อิทธิ ทูนอินทร์ โล่งอก
“รุ้งมันทำได้ค่ะ รุ้งมันทำได้” จี่หอยร้องบอกอย่างดีใจ
“พี่รุ้งเท้าเจ็บนะคะ” มะปรางสังเกต
“แต่ร้องสนุกขนาดนี้ไม่เป็นไรแล้วละ”
จี่หอยมองไปทางอาชา กับขวัญข้าวที่มองอย่างหมั่นไส้เต็มทีด้วยความสะใจ
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างทึ่งในความสามารถ เธอเป็นดาวจรัสแสงอยู่กลางเวที คนดูสนุกสนาน

ที่ตลาดโคราช...ร้านข้าวต้มเจ๊เล้ง กำลังขายดี เช่นเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ ทีวีเปิดช่องถ่ายทอดสด คอนเสิร์ตของบริษัทอิทธิ เสียงร้องเพลงของรุ้งระวีดังไปทั่วตลาด
แสงหล้าที่นอนกอดขวดเหล้าอยู่มุมทิ้งขยะ ค่อยๆขยับร่างขึ้นมาฟัง
“รุ้ง รุ้งลูกแม่”
แสงหล้าโผเผเดินไปที่ร้าน ตรงไปที่ทีวี จ้องเขม็งไปที่รุ้งระวี
โส่ยกำลังเสิร์ฟข้าวต้มชนโครมเข้ากับแสงหล้า ชามข้าวต้มตกพื้น
“ปัทโธ่ อีนี่ มายืนเกะกะ”
“ไล่มันไปเลย”
เจ๊เล้งสั่ง โส่ยผลักร่างแสงหล้าเซไป
“ให้ข้าดูลูกสาวข้าก่อน ไหว้ละ”
“ยังเพ้อไม่เลิกนะ นังแก่ เปลี่ยนช่องเลยไหมเจ๊”
“นี่ นี่ เงิน ข้าสั่งข้าวต้มของเอ็งกินก็ได้ ยี่สิบบาทนะ เอามาชามนึงแล้วขอข้าดูช่องนี้แหละ”
“เอาไงเจ๊”
เจ๊เล๊งมองค้น
“แหม....มีเงินกะเขาด้วยนะ เอ้า มันมีเงินจ่ายก็จะให้มันกินไป”
“ขอบใจจ๊ะ”
แสงยกมือไหว้ท่วมหัว จ้องดูรุ้งระวีทั้งเต้นทั้งร้อง แล้วยิ้มออกมา
“ลูกแม่เก่งเหลือเกิน”

รุ้งระวีร้องเพลง พยายามเต้นท่าง่ายๆ ไม่ต้องขยับเท้ามาก ทูนอินทร์ถ่ายเบื้องหลังอยู่หน้าเวที อินทรคอยเป็นผู้ช่วย
“คนชอบกันใหญ่เลยพี่” อินทรมองอย่างชื่นชม
“ฉันว่ารุ้งดังแน่ เฮ้อ....เสียดาย”
“เสียดายอะไรครับ”
“ยิ่งรุ้งดัง ความฝันของฉันก็หมดกัน รุ้งคงมาร้องเพลงให้ฉันอีกไม่ได้แล้ว”
ทูนอินทร์ถอนใจกับตัวเอง รุ้งระวีร้องจนจบเพลง โพสต์ท่าสวยงาม คนดูปรบมือเกรียวกราว จี่หอยและมะปรางที่อยู่ด้านข้างเวที กอดกันอย่างดีใจ
“รุ้งทำสำเร็จแล้ว คนดูปรบมือกันใหญ่เลย”
“พี่รุ้งเก่งมากๆเลยค่ะ”
อิทธิมองไปที่รุ้งระวี แล้วยิ้มปลื้ม

อีกด้านหนึ่งกลุ่มจุ๊บแจงโผล่หน้ามาดู มองรุ้งระวีอย่างริษยา รุ้งระวีออกไปรับพวงมาลัยที่แฟนเพลงมาคล้องให้ จนเธอต้องนั่งพับเพียบหน้าเวที
“เกลียดมัน เกลียดคนดูด้วย ทำไมคนปรบมือให้มันขนาดนี้” จุ๊บแจงหงุดหงิด
“ให้พวงมาลัยมากกว่าพวกเราอีก” ขวัญข้าวเสริม
“อยากไปถีบมันให้ตกเวทีให้รู้แล้วรู้รอด”
“อย่านะอีม้า นังแจงโดนตบหน้าบวมไปแล้ว แกถีบมันคุณอิทธิ เขาฆ่าแกแน่”
จวงใจมองอย่างอาฆาต รุ้งระวีที่ลุกขึ้น ทีมงานเข้าไปช่วยรับพวงมาลัย
“ขอบคุณแฟนเพลงทุกคน ขอบคุณที่ต้อนรับรุ้งระวีอย่างอบอุ่น ในคอนเสิร์ตครั้งแรกของรุ้งคืนนี้”
รุ้งระวีกวาดตามองไปทั่วๆ
“ก่อนที่รุ้งจะร้องเพลงต่อไป รุ้งขอร้องเพลงนี้ ให้กับคนที่รุ้งรักมากที่สุด แต่เราไม่มีโอกาสจะได้อยู่ด้วยกัน”

แสงหล้านิ่งงัน จ้องไปที่จอทีวี ขณะที่โส่ยเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟ รุ้งระวีในทีวีมองมา ราวกับสบตาอยู่กับแสงหล้า
“รุ้งร้องเพลงนี้ ตอนยังเด็กเหลือเกิน เขาร้องกล่อมให้หนูนอน ทุกครั้งที่ร้อง รุ้งจะนอนหลับฝันดีทุกครั้ง...แม่คะ นี่คือเพลงที่แม่ร้องกล่อมหนูไงคะ”
แสงหล้าน้ำตาไหลพราก
“รุ้ง”
รุ้งระวีเริ่มร้องเพลง โดยไม่มีเสียงดนตรีใดๆ
“ลูกแม่....ยังจำเพลงของแม่ได้”
รุ้งระวีร้องเพลงด้วยอารมณ์ล้วนๆ ทั้งการเอื้อน และลูกคอ เหมือนที่แม่สอนทุกอย่าง เจ๊เล้ง โส่ย และแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวต่างหยุดกิจกรรม มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เจ๊ ที่เพลงที่ยายแก่มันร้องวันนั้นนี่”
“เออ ว่ะ”
ทั้งหมดฟังรุ้งระวีร้องจากทีวี เมื่อเธอร้องถึงท่อนแยก แสงหล้าร้องตาม ด้วยน้ำตาที่ไหลพราก ทุกคนฟังตะลึง แสงคล้าร้องคลอไปกับลูกอย่างไพเราะ แต่แล้วรุ้งระวีในจอทีวีก็หยุดร้อง แสงหล้าหยุดตาม
รุ้งระวีร้องไม่ออกเพราะก้อนสะอื้น นิ่งงันไป เช่นเดียวกับคนดู ทูนอินทร์เป็นคนนำปรบมือ อินทรปรบตาม แล้วคนดูทั้งหมู่ก็ปรบมือพร้อมกัน
รุ้งระวีมองหน้าทูนอินทร์ ที่อยู่ด้านล่าง เขาพยักหน้าให้ว่าเธอทำได้ดีมาก เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์