อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 6
ส้มป่อยวิ่งมาหน้าห้อง อินทรออกมาพร้อมแป๋วและจุ๊
“นายทรขา ขอหนูเข้าไปสวัสดีคุณรุ้งหน่อยซีคะ”
“อย่าไปรบกวน ป้าแป๋ว ยายจุ๊ ดูยายส้มไว้ อย่าไปเพ่นพ่านรบกวนแขก” อินทรสั่งทันที
“ค่ะ”
อินทรแยกไป
“อดเจอเลย โธ่...อุตส่าห์ซ้อมเต้น”
ส้มเต้นท่ารุ้งระวีให้แป๋วกับจุ๊ดู ทั้งสองคนพากันส่ายหน้าอย่างระอา
รุ้งระวีช่วยจี่หอย กับมะปราง จัดเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เธอหยิบรูปแม่ออกมาวางที่หัวเตียง แล้วเดินออกมาที่ระเบียง
“พี่หอย มะปราง รุ้งลงไปเดินเล่นก่อนนะ อากาศกำลังดีเลย”
“ค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะตามไป”
พี่หอยหันมาบอก รุ้งระวีเดินลงบันไดจากส่วนระเบียง ไปยังสวนสวยเบื้องหน้า แล้วเดินเข้าไปในสวน เดินเลียบไปเรื่อย จนถึงส่วนที่เป็นท้องทุ่ง เห็นทุ่งนาเขียวขจี ได้ยินเสียงร้องเพลงแว่ว ๆมา รุ้งระวีหาที่มาของเสียง เดินเรื่อยไปที่ทุ่ง กระทั่งถึงเพิงเล็กๆใต้ต้นแสงจันทร์ ที่อยู่ริมทุ่งนา เห็นควายอยู่กลางทุ่ง กำลังเคี้ยวเอื้อง
เสียงร้องเพลงชัดขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่เห็นตัวคนร้อง ใกล้กันนั้นมีตุ่มหลายใบ ตั้งเรียงกันอยู่ รุ้งระวีเดินมาที่เพิง พบกีตาร์ ขลุ่ย และกระดาษจดเนื้อและโน้ตเพลงบึกใหญ่
“เสียงคุณทูนนี่ งั้น ต้องมาจากนี่แน่ๆ”
รุ้งระวีหันไปที่ตุ่ม เดินเข้าไปใกล้ เห็นตุ่มใบใหญ่กว่าเพื่อน เปิดฝาอยู่ เสียงมาจากตุ่มใบนั้น รุ้งระวีชะโงกเข้าไป เห็นทูนอินทร์กำลังร้องเพลงอยู่ เขาร้องเต็มเสียงดังลั่นตุ่ม จนเธอต้องอุดหู
ทูนอินทร์ร้องไป เงยหน้าขึ้นมาเห็นรุ้งระวี เขาร้องจ๊ากลั่น รุ้งระวีเลยกรี๊ดตาม ผงะออกมาด้วยความตกใจ
ทูนอินทร์โผล่ออกมาจากตุ่ม แล้วรีบกระโดดออกมา
“คุณรุ้ง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนว่าจะมาบ่าย”
“ฉันมาเช้า...ตุ่มนั่น เป็นที่ซ้อมร้องเพลงของคุณเหรอ”
“ก็...แฮ่ะ แฮ่ะ เสียงดีที่สุดละครับใบนี้”
“ถ้าใช้ตุ่มเป็นห้องซ้อมร้อง เพิงนั่นก็เป็นห้องทำงานของคุณ”
“แหม...ถูกต้องที่สุดเลยครับ เชิญนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนครับ”
รุ้งระวีหัวเราะขำ ลงนั่งตามทูนอินทร์ เขาส่งขันมีกลีบดอกไม้โรยไว้ให้
“ดื่มน้ำฝนจากตุ่มครับ เย็นชื่นใจ”
รุ้งระวีรับขันมา
“เดี๋ยว แล้วแก้วน้ำล่ะ”
“ไม่ต้องครับ ดื่มจากขันได้เลย”
รุ้งระวีรับมาดื่ม แล้วยิ้มออกมา
“เย็นอย่างกะใส่น้ำแข็งแน่ะ”
“น้ำฝนจากตุ่มก็เย็นชื่นใจอย่างนี้ละครับ อ้อ ยังไม่ได้กล่าวต้อนรับเลย ไร่อินสรวงขอต้อนรับคุณรุ้งครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบอกว่าไร่คุณสวยมาก”
“ขอบคุณครับ” ทูนอินท์ฉีกยิ้มกว้าง
ส้มป่อยมองผ่านรูกุญแจเข้าไปที่ห้องรุ้งระวี เธอเห็นมะปรางกำลังจัดเก็บเสื้อผ้า เห็นด้านหลังของจี่หอย ที่เอาเสื้อคลุมมาพันตัว แล้วเต้นท่าจิ้มแจ่วไปด้วย แล้วหันมาซุบซิบหนาน กับคูนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“เห็นแล้วน้า กำลังเต้นจิ้มแจ่วแอลเอเลย”
“เหรอวะ ใส่ชุดอะไรอยู่ล่ะ”
“ใส่เสื้อคลุมน่ะ แต่แปลกนะ ตัวตันๆสงสัยจะอ้วน”
“เอางี้ เอ็งเข้าไปขอลายเซ็นเลย ข้าจะได้ขอบ้าง” คูนบอก
“จัดให้น้า”
ส้มป่อยเปิดประตูทันที แล้ววิ่งถลาเข้าไป หนานและคูนตกใจ จะห้ามแต่ไม่ทันแล้ว
ส้มป่อยวิ่งถลาเข้าไปกอดขาจี่หอยที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้จี่หอยตกใจยืนตัวแข็ง มะปรางหันมามองตกใจไม่แพ้กัน
“พี่รุ้งเจ้าขา ส้มป่อยเป็นแฟนพี่รุ้ง รักพี่รุ้งเหลือเกินเจ้าค่ะ”
จี่หอยมองลงมา ส้มป่อยเงยหน้ามองพอดี
“กรี๊ดดด ผีเด็ก”
“กรี๊ดดด ผีแก่”
จี่หอยสะบัดเท้าทันที ร่างของส้มป่อยลื่นไปตามพื้นไม้ กระเด็นออกมาจากห้อง
“ตัวอะไร มาจับขาฉัน ผีบ้านผีเรือนรึเปล่า”
หนาน และคูนหิ้วปีกส้มป่อยลุกขึ้น
“เปล่าครับ มันชื่อนังส้มป่อย”
“มันเป็นแฟนตัวยงของคุณรุ้งน่ะครับ” หนานช่วยอธิบาย
“แล้วมาเกาะขาฉัน เหมือนตุ๊กแกทำไม”
“ก็นึกว่าเป็นพี่รุ้งน่ะซีคะ อูย นี่ขาเหรอคะ นึกว่าท่อนซุง ขนยุ่บเลย”
มะปราง คูน หนานพากันหัวเราะขำ จี่หอยค้อนควักใส่ส้มป่อย
ที่เพิงใต้ต้นแสงจันทร์...รุ้งระวีหยิบเพลงที่ทูนอินทร์แต่งขึ้นมาดู
“คุณแต่งเพลงตรงนี้เหรอคะ”
“ครับ ได้บรรยากาศดี”
“แล้วเพลงที่ร้องเมื่อกี้ ตั้งชื่อให้รึยังคะ”
“อ๋อ ตั้งแล้วครับ เอ ทำไมรู้ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อ” ทูนอินทร์มองแปลกใจ
“คุณเคยบอกฉันไง ที่บ้านพี่เมธที่คุณเล่นเปียโนวันนั้น คุณร้องเพลงนี้”
“อ้อ ทีแรกจะตั้งชื่อว่า สะพานแสงจันทร์ น่ะครับ เพราะตอนแต่งผมได้แรงใจมาจากต้นแสงจันทร์ต้นนี้ แต่ตอนที่แต่งใกล้เสร็จ มันเกิดแรงใจใหม่ขึ้นมา เลยเปลี่ยนเป็น เออ...”
ทูนอินทร์ลังเลว่าจะพูดดีไหม
“คะ”
“สะพานรุ้งน่ะครับ”
รุ้งระวีนึกถึงชื่อตัวเองทันที
“แล้วทำไมต้องเป็นรุ้ง”
“ตอนที่แต่งใกล้เสร็จ ผมเพิ่งตกใหม่ๆ มองไปบนฟ้า เห็นรุ้งกินน้ำตัวใหญ่เชียวครับ ข้ามเขาไปฟากขะโน้น เหมือนเป็นสัญญาณว่ามันจะพาผม ไปที่ปลายรุ้งนั่นให้ได้ในสักวัน”
รุ้งระวียิ้ม
“สอนฉันร้องได้ไหม เคยสัญญากับฉันแล้วนี่ว่าจะสอนฉันร้อง”
“งั้น....ลองไปที่เงียบๆกันดีกว่า”
“ตรงนี้ไม่เงียบหรอกเหรอ ไม่เห็นมีใคร”
“โน่นครับ นังสมศรี มองมาตลอดเลย”
รุ้งระวีมองตามไป ไม่เห็นใคร นอกจากควายตัวหนึ่งกำลังมองมา
“ไหนคะ ไม่เห็นใคร”
“นังสมศรีเป็นควายครับ ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวมันยิ่งแอบมอง”
ทูนอินทร์พารุ้งระวีพร้อมกับเนื้อและโน้ตเพลง และขลุ่ยไปด้วย เมื่อขึ้นไปบนเขาซึ่งมองเห็นฟ้าครึ้มๆ ทูนอินทร์ร้องเพลงสะพานรุ้งให้ฟัง รุ้งระวีฟังอย่างชอบมากๆ
ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน...อินทร หนาน คูน และส้มป่อยช่วยกันเตรียมเครื่อง ดนตรีแนวอีสาน ทั้งแคน ทั้งกลองอยู่กลางลานสนาม มีผ้าสีสันต่างๆ รวมทั้งผ้าแขกประดับประดาเต็มพื้นที่
“นายทรขา คุณน้าข้ามเพศนั่น แรงช้างแรงม้าจริงๆ ถีบหนูยังกะเบคแค่มเตะลูกเข้าประตู ยอกไปหมดเลยค่ะ” ส้มป่อยบ่น
“แล้วเราไปแอบดูเขาทำไมล่ะ”
“ก็อยากเห็นคุณรุ้งของหนูนี่คะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอเลย”
ขณะเดียวกันจี่หอยและมะปรางแต่งตัวสวยลงมา
“นังส้ม เขาลงมาแล้ว” หนานบอก
ส้มป่อนไปหลบหลังหนานและคูน
“คุณทร กำลังทำอะไรกันคะ” จี่หอยถาม
“เราเตรียมอุปกรณ์ ไว้ในมิวสิคคุณรุ้งไงครับ”
“อย่างนี้น่าร้องเพลงนะพี่หอย” มะปรางนึกสนุก
“อยากร้องมาก แล้ววิ่งไปทั้งทุ่งเลย เอาแบบระบำแขกเลยนะ” จี่หอยเห็นด้วย
“อยากร้อง ร้องเลยครับ เครื่องดนตรีเรามีอยู่แล้ว” หนานรีบบอกอย่างนึกสนุก
“ฉันร้องไม่เป็นหรอก แต่เป็นแค่หางเครื่อง เต้นลืมตายเลย”
“อุ๊ย....หนูก็หางเครื่องค่ะ” ส้มป่อยรีบบอก
จี่หอยมองอย่างเขม่นเต็มที่
“ปราง นังเด็กผีนี่อีกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น คนร้องก็ต้องเป็นคุณทรแล้วละค่ะ”
ทุกคนช่วยกันสนับสนุน
“งั้นพี่หนาน พี่คูน ขึ้นเพลงประจำของเราเลย”
“จัดให้”คูนพูด
หนาน คูนขี้นเพลงรักท่วมทุ่ง อินทรร้องพร้อมกับจับมือมะปราง เดินไปที่ทุ่งด้วยกัน
หนาน และคูนเล่นดนตรีตามไป จี่หอยคว้าผ้าแขก และผ้าสีต่างๆตามไปอีกคน ส้มป่อย
รีบคว้าผ้าที่เหลือตามไปบ้างอย่างนึกสนุก
อินทรร้องเพลงเกี้ยวมะปราง ด้วยลีลาเหมือนระบำแขก จี่หอยเอาผ้าแขกมาให้มะปรางคลุมหน้า มะปรางวิ่งหนีอินทร จี่หอยคลุมหน้าตัวเองบ้าง แล้วทำท่ายั่วหนาน กับคูน สองหนุ่มรีบวิ่งหนี
มะปรางไปหลบอยู่หลังต้นไม้ อินทรโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋ มะปรางหลบไปอีกทาง อินทร โผล่มาจ๊ะเอ๋อีกหน แต่คราวนี้กลายเป็นจี่หอย อินทรเป็นฝ่ายหนีเสียเอง
หนานและคูนเอา กระถางมาครอบหัวจี่หอย จี่หอยวิ่งไปชนต้นไม้ล้มกลิ้ง
อินทรวิ่งไล่มะปรางมาที่หมู่ไม้ดอก อินทรเด็ดดอกไม้ติดผมให้มะปราง แล้วต่างฝ่ายต่างขวยอาย อินทรหันไปเด็ดอีกดอกหนึ่ง หันมาแต่คราวนี้ส้มป่อยโผล่หน้ามาแทน อินทรส่ายหน้า
อินทรวิ่งมาดักมะปรางไว้ได้ ล้วดึงมากอดไว้ จี่หอยแอบดูพร้อมหนาน และคูน ทันใดจี่หอยสะดุ้งเพราะส้มป่อยมากอดขาไว้
จี่หอยสะบัดอีกที ส้มป่อยถลาพุ่งเข้าไปกอดอกไม้ โผล่หน้ามา หัวหูเต็มไปด้วยดอกไม้ทั้งตัว เพลงจบลงพอดี ทุกคนชี้ไปที่ส้มป่อยแล้วหัวเราะกัน ขณะเดียวกันฝนโปรยสายลงมา
“ว้าย ฝน” จี่หอยร้อง
“หลบฝนก่อน” หนานบอกทุกคน
“เก็บผ้าด้วยเร้ว” คูนสั่ง
อินทรกางผ้ากันฝนให้มะปราง แล้ววิ่งลงเนินไปพร้อมกัน ส้มป่อยวิ่งตามไปคนสุดท้าย
เมื่อฝนโปรยปรายลงมา ทูนอินทร์ชวนรุ้งระวีกลับไปที่เพิงก่อน เพราะกลับบ้านไม่ทันแล้ว แต่แค่มาถึงเพิง ทั้งคู่ก็เปียกปอน
ทูนอินทร์รีบหยิบผ้าขนหนูสะอาดที่วางอยู่ มาเช็ดตัวให้รุ้งระวี
“หนาวไหมครับ”
“พอทนค่ะ”
ทูนอินทร์เช็ดผมให้รุ้งระวี แล้วนิ่งไป ทั้งสองมองหน้ากัน
“ฉันเช็ดเองได้ค่ะ”
รุ้งระวีเกิดอาการเขินอาย รับผ้ามาเช็ดผมเอง
“เราคงต้องติดอยู่ที่นี่สักพักแล้วละครับ กว่าฝนจะหยุดคงอีกนาน”
“ไม่เป็นไร...”
ทูนอินทร์หยิบผ้าอีกผืนส่งให้
“นี่ครับ ผ้าอุ่นๆ”
“คุณเช็ดตัวคุณเถอะค่ะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ชินเสียแล้ว”
ทูนอินทร์ห่มผ้าให้รุ้งระวี
“ขอบคุณ..เพลงสะพานรุ้งนะคะ ฉันถือว่าคุณสัญญากับฉันแล้วนะ”
“สัญญาว่า...”
“คุณจะให้ฉันร้องไง”
“อ้อ...ยินดีครับ”
“เป็นเพลงที่เพราะมาก และเนื้อหาที่เกี่ยวกับคนที่เรารักและหวังดี ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งคิดถึงคนๆหนึ่ง”
“ใครครับ”
“คนที่เราอยากให้เขารักตอบไงคะ”
ทูนอินทร์ยิ้ม มั่นใจว่าเป็นตัวเองแน่ๆ
“คนคนนั้นเป็นใครกันนะ ให้ผมเดาไหม”
“อย่าเดาเลยค่ะ เพราะฉันกำลังคิดถึงแม่ฉัน”
ทูนอินทร์แป่วไปทันที
“อ้าว เหรอครับ “
“ฉันจะร้องเพลงนี้ให้แม่ค่ะ “
“งั้น...เล่าเรื่องแม่ให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“อยากรู้ไปทำไมคะ”
“ผมจะได้รู้จักคุณมากขึ้นไง”
รุ้งระวียิ้มเศร้าให้ทูนอินทร์ มองไปยังสายฝนเบื้องหน้า แล้วนึกถึงเรื่องราวในอดีต...
ที่บาร์...แสงหล้าในชุดสาวบาร์ ร้องเพลงฝรั่งสำนวนผิดๆถูกๆ ทั้งร้องทั้งเต้น ขณะที่ทหารจีไอนั่งกันอยู่เต็มร้าน ปรบมือเป่าปาก แสงหล้าจบเพลงด้วยท่าเซ็กซี่ หนุ่มจีไอเข้ามาให้ทิป พร้อมกับหอมแก้มด้วยรุ้งระวี ที่หลบมุมอยู่ซอกร้าน มองแม่แล้วหาวหวอด
“เท่าที่จำได้ ฉันเกิดมาก็ไม่เคยเห็นพ่อแล้ว แม่กับน้าๆเล่าว่าพ่อชื่อเจมส์ หล่อมาก เจอกับแม่ที่พัทยา แล้วก็กลับไปไม่เคยมาหาแม่อีก”
หลังจากเลิกงานที่บาร์...แสงหล้าอุ้มรุ้งระวีที่หลับ กลับเข้ามาในห้องเช่าโทรมๆวางเธอลงนอนที่ตั่งเล็ก ปูฟูกเป็นที่นอน แล้วจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แต่รุ้งระวีลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน
“แม่”
“อ้าว หลับแล้วนี่เรา ตื่นมาทำไมอีก”
“พ่ออยู่ไหนนะแม่”
แสงหล้าชะงักไป
“ถามอะไรอย่างนั้นลูก”
“หนูอยากเจอพ่อ”
“นอนเถอะ นี่...อาทิตย์นี้เขาจะมีประกวดลูกทุ่งเยาวชนอีกแล้วนะ แม่จะพาเราไปแข่งอีก เอาไหม”
“เอาค่ะ”
“งั้นนอนซะนะ”
“แม่ร้องเพลงให้หนูฟังหน่อย”
แสงหล้ากลับมานั่งที่ฟูก แล้วกอดรุ้งระวีไว้แนบอก ร้องเพลงให้ฟัง...
“โอม....เอย อีนางลูกแม่นี่เอย คนดีของแม่นี่เอย เอเอ้เอ...มือไกวเปล แม่นี้จิเห่เพลงกล่อม
ว่าขวัญเอย ขวัญมา อย่าร้องไห้ งอแง ผีบ้านผีเรือนปกปักดูแล ลูกแม่หลับให้สบาย แม่จิเอาเดือนตากได้ เอาร่มไม้ตามชายคา แม่ธรณี พระแม่คงคา โหบกอดวิญญาเจ้ามาจนใหญ่...W
รุ้งระวีค่อยๆปรือตาหลับในอกแม่ แสงหล้ายังคงร้อง เสียงเริ่มเครือ น้ำตาไหลออกมาอย่างเศร้ากับชีวิต...
รุ้งระวีเล่าต่อไปว่า...
“จำได้ว่าตอนนั้น แม้จะไม่มีพ่อ แต่ฉันก็มีความสุขกับแม่ แม่พาฉันไปร้องเพลงประกวดหลายที่ แล้วฉันก็ชนะเกือบทุกที่ แม่เก็บถ้วยรางวัลไว้ทั้งหมด”
ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น...แสงหล้ากับรุ้งระวี ร้องเพลงลูกทุ่งด้วยกัน ในห้องนั้นมีถ้วยรางวัลเต็มห้อง รูปรุ้งระวีใส่วิกผมบลอนด์ถ่ายตอนร้องประกวด ถ่ายกับแม่ ถ่ายกับเด็กอื่นๆที่ร้องร่วมถูกติดไว้เต็ม สองแม่ลูกร้องจบเพลง แล้วหัวเราะกัน
“ลูกแม่เก่งจริงจริ๊ง....โตขึ้นลูกจะได้เป็นนักร้องดังที่สุดของประเทศไทยเลยนะลูก”
“หนูจะดังเหรอคะแม่”
“ดังซีลูก ลูกแม่ทั้งสวย ทั้งเสียงดีขนาดนี้ ต้องดังแน่ๆลูก”
แสงหล้ากอดรุ้งระวีไว้อย่างมีความสุข
รอยยิ้มของรุ้งระวีจากลง เมื่อนึกถึงวันที่คำรณ สามีใหม่ของแสงหล้าก้าวเข้ามาในชีวิต...
“แต่แล้ว วันคืนแห่งความสุขมันก็จบสิ้นลง...”
ในอดีตนั้น...
รุ้งระวีในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามาในบ้าน ได้ยินเสียงแม่กำลังหัวเราะร่วนอยู่กับคำรณ ทั้งสองกำลัง
นั่งดื่มอยู่ด้วยกัน กับแกล้มเต็มโต๊ะ รุ้งระวีชะงักไป
“แม่”
“กลับมาเหรอลูก สวัสดีลุงเขาซี”
คำรณมองลูกเลี้ยงตาเป็นประกาย
“สวยจัง...ลุงชื่อคำรณ”
“สวัสดีค่ะ”
รุ้งระวีไหว้แล้วรีบหลบไปที่ห้องด้านใน
“คงเขินน่ะ”
ทั้งสองคนหัวเราะ
“ต่อไปนี้แสงไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลแสงเอง ไอ้พวกที่มันมารีดไถแสง พี่จะจัดการมันให้หมดเลย”
“จริงนะคะ พี่คำ พี่ต้องรักฉันคนเดียวนะ”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่”
รุ้งระวีที่แอบฟังใจหาย เมื่อได้ยินอย่างนั้น...เธอเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นให้ทูนอินทร์ฟังด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลง...
“แม่ได้สามีใหม่ ทั้งๆที่รู้ว่านายคำรณเป็นอดีตคนคุก ทำงานเป็นนักเลงคุมทั้งบ่อนทั้งซ่อง”
หลังจากที่คำรณเข้ามาอยู่ในบ้าน ชีวิตของรุ้งระวีกับแสงหล้าก็แย่ลง ค่ำคืนหนึ่ง...รุ้งระวีสะดุ้งตื่นจากที่นอนเพราะเสียงกรีดร้องของแสงหล้า
คำรณจิกผมแสงหล้าที่ยังอยู่ในชุดร้องเพลง แล้วเหวี่ยงเธอเข้าไปในห้อง คำรณกำลังเมาได้ที่
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”
“มึงเป็นเมียกู แล้วมึงไปให้ท่าไอ้แจ็คมันทำไม”
“ฉันแค่คุยกับมัน”
“คุยเหรอ กูเห็นมึงเกือบจะจูบกับมันอยู่แล้ว จะเล่นชู้เหรอ”
คำรณตบหน้าแสงหล้ากระเด็นล้มลงไปบนฟูก แสงหล้ากรีดร้อง คำรณเข้าตบตีจนเธอนิ่งไป รุ้งระวีได้แต่ร้องไห้ ขดตัวอยู่กับที่นอน
“โถ นึกว่ามึงสวยนักนะ กูจะตบให้เสียโฉมเลย มึงจะได้ไม่ไปให้ท่าไอ้ฝรั่งอีก”
คำรณเซออกจากห้องไป รุ้งระวีวิ่งมาหาแม่พบว่า หน้าแสงหล้าเปรอะไปด้วยเลือด
“แม่...”
“แม่ไม่เป็นไรลูก”
แสงหล้ากอดรุ้งระวีไว้ พยายามปลอบไม่ให้รุ้งระวีร้องไห้
รุ้งระวีเล่าไปสะอื้นไป...
“แล้ววันที่เลวร้ายที่สุดก็มาถึง...”
เหตุการณ์ในวันนั้น...ค่ำคืนหนึ่งขณะที่ฝนเทกระหน่ำ รุ้งระวีนอนอยู่ในที่นอน สายฟ้าวาบมาเป็นระยะ พร้อมเสียงฟ้าฝน รุ้งระวีสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงมือหยาบกร้านมาลูบคลำใบหน้า เธอลุกพรวด เหม็นกลิ่นเหล้าจากคำรณมาก
“ไม่ต้องกลัว หนูรุ้งระวี ลุงไม่ทำอะไรหรอก สวยนะเราน่ะ...อีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้ว สวยกว่าแม่เยอะ อยากช่วยแม่ให้สบายไหม มีเงินกินใช้ไปจนตายเลย”
“ช่วยยังไง”
“ลุงจะพาไปรู้จักลุงฝรั่งใจดีที่พัทยา เขาชอบเด็กลูกครึ่งแบบนี้ เขาจะเลี้ยงดูหนูอย่างดีเลย ได้แต่งตัวสวยๆ ได้อยู่บ้านใหญ่ๆ ชอบไหม บางทีเขาจะพาหนู ไปอยู่เมืองนอกก็ได้นะ”
รุ้งระวีส่ายหน้า
“หนูจะอยู่กับแม่”
“อยู่กับแม่ก็อดตาย”
“หนูจะอยู่กับแม่ อดตายก็ไม่กลัว อย่ามายุ่งกับหนู”
รุ้งระวีปัดมือคำรณออก คำรณบีบคางเออย่างแรง
“อีนี่ อย่าให้มีน้ำโหนะ เดี๋ยวจะโดนเหมือนแม่มึง เตรียมตัวไว้ ข้าจะพาเอ็งไปพัทยา แล้วอย่าบอกให้แม่เอ็งรู้นะ”
“ปล่อย ปล่อยหนู”
“อย่าร้องซี มึงจะร้องทำไม”
คำรณพยายามปิดปาก รุ้งระวีกัดมือ คำรณร้องลั่น รุ้งระวีดิ้นและกรีดร้อง วิ่งออกมาจากห้องนอน ในความมืดของห้องกลาง คำรณวิ่งตามมาทันกระชากร่างของรุ้งระวีเข้ามาจะตบ
รุ้งระวีกรี๊ดคำร้องลั่น ทันใด...ร่างของคำรณสะท้านเฮือกทั้งตัว คำรณปล่อยรุ้งระวีไป แล้วหันไปข้างหลัง ฟ้าผ่าเปรี้ยง แสงวาบเข้าหน้าแสงที่เปียกปอนไปทั้งตัว ถือมีดเปื้อนเลือดอยู่ กลางหลังคำรณ เลือดซึมออกมาเต็ม
“มึงแทงกู อีแสง”
“เออ กูจะฆ่ามึงก็ได้ ถ้ามึงทำร้ายลูกกู”
คำรณเข้าแย่งมีด แสงหล่าเซล้มไปที่พื้น ปล้ำกันไปมา แสงหล้าคว้าขวดเหล้าแล้วฟาดเข้าที่หัวของคำรณเลือดอาบ คำรณร้องลั่นครวญคราง
“รุ้ง หนีเร็วลูก”
แสงหล้าพารุ้งระวีหนีออกจากห้อง คำรณยังร้องครวญคราง แต่พยายามลุกขึ้นตาม แล้วไปล้มลงตรงกองขยะ
“อีแสง มึงกลับมาเดี๋ยวนี้นะ อีแสง”
แสงหล้าพารุ้งระวีวิ่งหนีฝ่าฝนมา แล้วล้มลงไปกลางถนนทั้งคู่ เสียงคำรณยังแว่วมา แสงหล้ากลัวมาก รีบพารุ้งระวีหลบเข้าตรอกเล็กๆหลบอยู่ ครู่หนึ่งคำรณวิ่งผ่านไป
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก”
“หนูไม่เป็นไร แม่...เราจะไปไหน “
“แม่ยังไม่รู้ แต่เราต้องหนีแล้วลูก เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
รุ้งระวีร้องไห้สะอึกสะอื้น แสงหล้ากอดลูกสาวไว้แนบอก ฝนตกหนักไม่มีทีท่าจะหยุด และสายฟ้าแล่บแปลบปลาบเป็นระยะ สองแม่ลูกกอดกันอยู่ในตรอกแคบๆ แห่งนั้น
อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 6
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์