หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 6/2

อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 6/2
ฝนยังคงโปรยปรายลงมา ขณะที่รุ้งระวีรุ้งเล่าเรื่อง ทูนอินทร์ฟังด้วยความสงสาร
“แม่พาฉันเข้ากรุงเทพ มาอยู่กับเพื่อนที่เป็นแม่บ้านอยู่กับครอบครัวอเมริกัน เขากำลังจะย้ายกลับอเมริกาพอดี ก็เลยรับอุปการะฉันไปด้วย ยังจำได้วันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าแม่”
ในอดีต...ที่บ้านแครอล ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กกะทะรัด เต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่น รุ้งระวีแต่งตัวสวยพร้อมเดินทาง เธอร้องไห้อยู่กับแสงหล้าที่มาส่ง ขณะที่รถจอดอยู่หน้าบ้าน คนรถกำลังขนกระเป๋าขึ้นรถ
“ทำไมแม่ไม่ไปอเมริกากับหนู แม่ไม่ไปหนูก็ไม่ไป”

“แม่จะตามไปนะรุ้ง รุ้งไปอยู่กับพ่อแม่ฝรั่งก่อน” แสงหล้าพยายามปลอบ
“ไม่...รุ้งไม่อยากไป ฮือ...รุ้งอยากอยู่กับแม่”
“โธ่...ลูก อย่าดื้อนะลูก ลูกต้องไปแล้ว”
แครอลออกมา พร้อมบัวอร ทั้งสองแต่งตัวพร้อมเดินทาง
“โธ่...รุ้ง ร้องไห้ใหญ่เลย ไปอยู่กับฉัน แล้วแม่เขาจะตามเราไปนะ”แครอลปลอบ
“ไม่ไป รุ้งไม่ไป”
บัวอรเข้ามาเรียกไว้
“รุ้ง ไม่ร้องแล้วนะ จะเดินทางแล้ว ขึ้นรถ”
“ไม่”
แครอล และบัวอรน้ำตารื้นไปด้วย
“แหม่มขา ดูแลลูกหนูด้วย” แสงหล้าห้นไปขอร้อง
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลรุ้งอย่างดี”
“ขอบคุณค่ะ บัวอรฝากรุ้งด้วยนะ
บัวอรพารุ้งระวีขึ้นรถ เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม แสงหล้าแทบขาดใจ
“แม่ไม่รักรุ้งแล้วใช่ไหม แม่ทิ้งรุ้งแล้ว”
แสงหล้าส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
รุ้งระวีหันมามอง แสงหล้าเดินตามรถที่กำลังเคลื่อนออกไป
“แม่”
รถแล่นไปห่างจากแสงหล้าทุกที กระทั่งรถลับสายตาไปแล้ว รุ้งระวีร้องสะอื้น บัวอรดึงเธอมากอดไว้อย่างปลอบโยน
เมื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องพลัดพรากจากแม่ รุ้งระวีน้ำตาไหลพราก
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมแม่ต้องส่งฉันไปอเมริกา ทั้งๆที่ก็หนีจากพ่อเลี้ยงมาได้แล้ว หรือแม่ไม่รักฉันแล้วก็ไม่รู้”
“ไม่หรอกครับ เท่าที่ฟังดูแม่รักคุณมาก ท่านคงมีเหตุผลอะไรสักอย่าง”
“ฉันถึงอยากตามหาแม่ให้เจอ”
รุ้งหันมายิ้มเศร้าๆ
“สัญญากับฉันแล้วนะ อย่าลืม”
“อะไรครับ”
“จะช่วยฉันตามหาแม่ไงคะ”
“ไม่ลืมครับ จะช่วยสุดความสามารถ ผมจะเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราไปแสดงคอนเสิร์ทที่โคราชเลย”
“ไม่เสียแรงที่ฉันไว้ใจคุณ”
ทูนอินทร์ยิ้มกว้าง รุ้งระวีรู้สึกโลกทั้งโลกสว่างไสวขึ้นมาทันที

ภาพจากทีวีในร้านข้าวแกงในตรอกโทรมๆ เป็นภาพรุ้งระวีกำลังให้สัมภาษณ์ในคอนเสิร์ทครั้งแรก สลับกับการโชว์คอนเสิร์ต แสงหล้ายืนมองทีวีอย่างมีความสุข
“เฮ้ย...ป้า ไปยืนที่อื่น มาเกะกะทางเดิน ไป...ไป...” เด็กเก็บจานไล่
แสงหล้าเดินเลี่ยงไป ขณะเดียวกัน คำรณที่ทรุดโทรมจากสิบห้าปีที่แล้วมาก ยืนมองอยู่แล้วเดินตามแสงหล้าไปทันที
แสงหล้าเดินเข้ามาในย่านห้องแถวรกร้าง ไม่มีผู้คน มองหาขวดและกระป๋องในกองขยะจะเอาไปขาย คำรณเข้ามายืนค้ำร่าง แสงหล้าเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็จะหนี คำรณกระชากร่างไว้
“เอ็งจะหนีข้าไปไหนอีแสง”
แสงหล้าจะกรี๊ด คำรณปิดปากแสงลากเข้าไปในตึกร้าง กระแทกร่างเธอเข้ากับกำแพงอิฐ
“อย่าร้องนะ ไม่งั้นตาย”
คำรณปล่อยมือจากแสงหล้า
“มีคำถามให้เอ็งตอบ นังนักร้องหน้าฝรั่งที่เอ็งดูในทีวีเมื่อกี้ คือนังรุ้งลูกเอ็งใช่ไหม”
“เอ็งจะทำไม”
“ตอบอย่างเดียวไม่ต้องถาม”
“ไม่ใช่ลูกข้า”
คำรณบีบปาก
“อย่ามาโกหกนะ นังรุ้งลูกเอ็งแน่ๆ มันให้สัมภาษณ์ว่ามาตามหาแม่มัน คือเอ็งนั่นแหละ”
“ไม่ใช่ลูกข้า อย่ามายุ่งนะ”
“ที่ผ่านมาเรื่องนังรุ้ง เอ็งทำข้าแสบมาก ข้าทั้งติดคุก ทั้งโดนไอ้เสี่ยพัทยามันเล่นงานแทบตาย จำได้ไหม ตั้งแต่ที่เอ็งหนีไปอยู่กับนังแหม่มน่ะ”
แสงหล้าอึ้งๆ คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต...ช่วงเวลานั้น แสงหล้า บัวอร ยืนคุยอยู่กับแครอลที่หน้าประตูบ้าน แสงหล้าถือตะกร้าพร้อมจะไปตลาด ขณะที่รุ้งระวีเล่นอยู่กับหมาตัวเล็กที่สนาม
“รุ้งน่ารักเหลือเกิน ฉันอยากรับรุ้งเป็นลูกฉัน แล้วพาไปอยู่อเมริกาด้วยกัน เธอจะยอมยกลูกให้ฉันไหม”แครอลถาม
“ฉันคงจากลูกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณค่ะแหม่ม ที่รักและเมตตารุ้ง” แสงหล้าไหว้
“ไม่เป็นไร”
แครอลยิ้มให้ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน แสงหล้าหันมาถามบัวอร
“แล้วบัวอร จะตามแหม่มไปอเมริกาด้วยเหรอ”
“ใช่พี่ กะว่าจะไปตั้งรกรากที่นั่นเลย แล้วพี่ล่ะ”
“ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปตลาดก่อนนะ”
“จ๊ะ”
แสงหล้าออกจากรั้วบ้าน ส่วนบัวอรเดินกลับเข้าบ้านไป คำรณที่มาแอบดูอยู่ได้เดินตามไป เมื่อถึงที่เปลี่ยว คำรณกระชากร่างแสงหล้าเข้าไปในพุ่มไม้ข้างทาง เอามีดจี้
“นังแสง”
“พี่คำ อย่าทำอะไรฉันนะ”
“เอาลูกมึงมาหลบอยู่ที่นี่ นึกว่าจะหนีพ้นเหรอวะ พานังรุ้งออกมาเดี๋ยวนี้”
“พี่จะทำอะไรรุ้ง”
“ข้าจะพามันไปพัทยาน่ะซีวะ นายหน้ามันให้เงินล่วงหน้ามาแล้ว ข้าไม่พามัน ไป มันเล่นข้าถึงตายเลยนะ”
“อ้อ จะพาลูกกูไปขายฝรั่งใช่ไหม”
“ไม่ต้องถาม ไปเอานังรุ้งมา”
“ไอ้ชั่ว ไม่นึกเลยมึงจะชั่วขนาดนี้ มึงจะขายลูกกู ข้ามศพกูไปก่อนเถอะ”
แสงหล้าฟาดขวดแก้วโครมลงบนหัว คำรณทรุดลงทันที เลือดซึม
“อ๊ากกกกกก”
แสงหล้าวิ่งหนีกระเจิง คำรณตามมากระชากร่าง
“ช่วยด้วย กรี๊ด”
คำรณตบหน้าแสงหล้าจนล้มไป ชาวบ้านวิ่งเข้ามาช่วย ชกคำรณคว่ำไป แล้วช่วยรุมกระทืบ แสงหล้าร้องไห้ลั่น ชาวบ้านช่วยกันจับคำรณ

แสงร้องนั่งร้องไห้กับแครอล ขณะที่บัวอรกับรุ้งระวีอยู่ในครัวกินข้าวกันอยู่
“ไม่ต้องกลัวนะ นายคำรณถูกจับไปแล้ว คงไม่มารบกวนแสงแล้ว” แครอลปลอบ
“ไม่ค่ะ มันต้องตามแสงอีกแน่ๆ แหม่มขา ฉันเปลี่ยนใจแล้วจะให้รุ้งไปกับอยู่อเมริกากับแหม่ม รุ้งจะได้ปลอดภัย”
แครอลย้อนถามอย่างดีใจ
“พูดจริงๆ นะแสงหล้า”
“ค่ะ แหม่มอุปการะมันด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรักรุ้งเหมือนลูกของฉันเอง”
แสงหล้ามองไปที่รุ้งระวี ที่ยังทานข้าวกับบัวอร หัวเราะสนุกสนานโดยไม่รู้ชะตากรรม

แสงหล้านึกถึงเหตุการณ์ในดีตแล้ว พยายามตั้งสติ ขณะที่ย้อนถามคำรณ...
“ถ้านักร้องนั่นคือลูกข้า เอ็งจะทำไม”
“จะพาเอ็งไปหามันไง มันบอกว่าใครพาแม่มาหามันได้ มันจะให้รางวัลอย่างงาม”
“เอ็งต้องการเงินใช่ไหม”
“เออซีวะ แล้วข้าก็จะไม่มายุ่งกับเอ็งกับลูกเอ็งอีก ไป เข้ากรุงเทพกะข้าเดี๋ยวนี้เลย”
“ก็ได้”
คำรณปล่อยแสงหล้า จังหวะนั้น แสงหล้าหยิบก้อนอิฐแตกๆจากข้างกำแพง แล้วฟาดลงบนหัวคำรณ
“โอ๊ย”
แสงถีบคำรณล้มลงไปบนกองขยะ แล้ววิ่งหนีกระเจิงไป คำรณวิ่งตามมาจนถึงลานขยะเปลี่ยวๆ เห็นคนเก็บขยะสองสามคน แต่ไม่เห็นแสงหล้าแล้ว
คำรณประกาศ
“อีแสง...กูไม่ได้ตัวมึง ไม่เป็นไรโว้ย แต่ลูกสาวมึงไม่รอดมือกูแน่”
คำรณเซซังจากไป มุมตึกอีกด้าน แสงหล้าซ่อนตัวอยู่ตัวสั่นเทา ได้ยินคำขู่ของคำรณชัดเจน ยิ่งห่วงลูกมากขึ้น
“อย่านะ อย่าทำอะไรลูกข้า อย่าทำอะไรรุ้ง”
แสงหล้าพึมพำ พลางสะอื้น

ที่บ้านอินสรวง...ทูนอินทร์เชิญทุกคนมาทานอาหารด้วยกันในห้องอาหาร ทุกคนทานอิ่มแล้วนั่งคุยกัน มีแต่จี่หอยที่ยังทานไม่เลิก
“อาหารอร่อยมากค่ะ” รุ้งระวีชม
“แม่ครัวเป็นคนเหนือน่ะครับ” ทูนอินทร์เล่า
“พี่หอย ยังไม่อิ่มเหรอ” มะปรางหันไปถาม
จี่หอยยิ้ม
“พี่ก็เป็นคนเหนือ ได้ทานอาหารเหนือถิ่นเก่า มันเลยหยุดไม่ลง”
“เดี๋ยวอ้วนไม่สวยนะครับ” อินทรแซว
“งั้นเลิกเลย กินอะไรไม่ลงแล้วเนี่ย ต่อมอิ่มทำงานทันที“
รุ้งระวีมองไปที่ผนัง เห็นมีรูปติดอยู่มากมาย
“รูปถ่ายเยอะจังค่ะ”
“ผมชอบถ่ายรูปครับ สะสมไว้เยอะ”
“พี่ทูน พาไปดูรูปที่ห้องนั่งเล่นซี รูปสวยๆทั้งนั้น” อินทรแนะ

ทั้งหมดเข้าไปในห้องนั่งเล่น ที่ตกแต่งแบบพื้นบ้านงดงาม เปิดโล่งมองไปเห็นวิวด้านนอก ทูนอินทร์พารุ้งมาที่โต๊ะวางรูป มีรูปถ่ายใหญ่น้อยวางอยู่เต็ม มะปราง อินทร จี่หอยไปดูรูปอีกมุม
“รูปถ่ายสวยๆทั้งนั้นเลย” จี่หอยชม
“ฝีมือคุณทั้งหมดเหรอคะ” รุ้งระวีถาม
“ครับ”
“เก่งรอบด้านเลย ถ่ายรูป ถ่ายมิวสิค ร้องเพลง เล่นดนตรี”
ทูนอินทร์มองไปที่รูปฟ้าใสแล้วขรึมไป
“ไม่เก่งอยู่อย่างเดียว เรื่องความรัก”
รุ้งระวีหัวเราะ แต่ทูนอินทร์นิ่งไป เธอมองตามสายตาของเขา เห็นว่ารูปนั้นคือ ฟ้าใส ใจสะออน นักร้องดังที่แต่งตัวสวยกำลังร้องอยู่บนเวที งดงามราวกับนางฟ้า
“นี่คือ ฟ้าใส ใจสะออนใช่ไหม”
“รู้จักเหรอครับ”
“คนโปรดฉันเลยค่ะ เพลงของรักของหวง ดังสุดๆที่แอลเอ คุณถ่ายรูปเธอเหรอ”
“ครับ”
รุ้งระวีสังเกตเห็นเขาดูเศร้าไป เธอมองไปที่รูปของเขาในวัยเด็ก ในชุดที่ร้องประกวดหลาย ๆรูป บางรูปถือถ้วยรางวัลชนะเลิศ ถ่ายกับเด็กที่ประกวดอื่นๆ
“อุ๊ย...น่ารักจัง คุณเหรอคะ”
“ครับ สมัยเด็กๆพ่อแม่จับร้องแข่งประกวดทั่วประเทศ ได้มาหลายรางวัลเหมือนกัน”
“เหมือนฉันเลย สมัยเด็กฉันก็นักล่ารางวัลเหมือนกันนะ เอ...สมัยเด็กคุณร้องเพลงต่อหน้าคนดูได้ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมร้องไม่ได้อีกเลย”
“เรื่องมันยาวครับ มันเกิดขึ้นจากยายเด็กแหม่มตัวแสบ ที่ร้องแข่งกับผมสมัยผมสิบขวบ ยายนี่แหละที่ทำให้ผมประสาทกลางเวที เดี๋ยวจะให้ดูรูป เอ...หายไปไหนแล้ว...ทร”
“ครับพี่”
“หารูปเด็กแหม่มตัวแสบมาให้ที”
“ได้ครับ”
อินทรหารูป จี่หอยและมะปรางแยกมามุมหนึ่ง ทั้งสองเขม้นมองไปที่รูปรุ้งระวีวัยเด็ก ใส่วิกผมทอง ถือรางวัลยิ้มแฉ่ง
“พี่หอย ดูซี พี่รุ้งเอารูปตัวเองมาวางตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นั่นซี ไหนรุ้งบอกว่ามีอยู่รูปเดียวไง รุ้ง มาดูนี่ ทำไมมีรูปรุ้งอยู่ตรงนี้ล่ะ”
รุ้งระวีเดินมาสมทบ เห็นรูปตัวเอง อ้าปากค้าง
“รูปรุ้งตอนเด็ก มีตั้งสองสามรูปแน่ะ มาอยู่ที่บ้านนี้ได้ยังไง”
ทูนอินทร์เข้ามาพอดี
“อ๊ะ เจอแล้ว นี่ละครับ รูปยายแหม่มจ๋า เด็กนรกที่แกล้งผม”
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางตกใจ
“แหม่มจ๋า!”
“ยายเด็กคนนี้คือคนที่แกล้งคุณ” รุ้งระวีถามย้ำ
“ใช่ครับ”
“มีอะไรเหรอครับ รู้จักเด็กคนนี้เหรอ”
ทั้งสามสาวรีบบอกพร้อมกัน
“ไม่รู้จักค่ะ / ไม่รู้อะไรเลย / เพิ่งเคยเห็นค่ะ”
“แต่เมื่อกี้ พี่หอยบอกมีรูปคุณรุ้งอยู่ตรงนี้” อินทรถาม
“อ๋อ เข้าใจผิดน่ะค่ะ มองไปเห็นรูปนักร้องคนนี้” จี่หอยชี้ไปมั่วๆ “นึกว่าเป็นรุ้ง”
“ครับ ยายเด็กบ้านี่แหละ ทำร้ายผม”
“ยังไงคะ”
“เออ ต้องเล่าสองต่อสองน่ะครับ ตรงนี้ประเจิดประเจ้อ”
รุ้งระวีสบตาจี่หอยและมะปราง อินทรชักสงสัยท่าทีสาวๆ

รุ้งระวีและทูนอินทร์นั่งคุยกันสองต่อสองที่เฉลียง มีรูปแหม่มจ๋าวางอยู่ตรงหน้าหลายรูป
“เออ...ใส่ตุ๊กแก ลงไปในกางเกงคุณเลยเหรอคะ” รุ้งระวีรู้อยู่แล้วอะไรเป็นอะไร แต่แกล้งถาม
“ครับ ร้ายมาก แล้วผลักผมออกไปร้องหน้าเวที ผมกลัวตุ๊กแกอยู่แล้วก็เลยร้องไม่ออก แถมยังเออ....โทษนะครับ ฉี่ราดรดกางเกงอีก คนดูหัวเราะเยาะผมกันทั้งห้างเลย ยายแหม่มจ๋า ได้รางวัลที่หนึ่งไป ส่วนผมกลายเป็นโรคจิต ร้องเพลงต่อหน้าคนทีไร เป็นเห็นตุ๊กแกวิ่งเข้ากางเกงทุกที แล้วก็....”
ทูนอินทร์นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดนิ่งไป
“อะไรคะ”
“เออ ไม่เล่าดีกว่าครับ น่าเกลียด”
“เล่ามาเถอะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าฉัน...เอ๊ย...เด็กแหม่มนั่นทำอะไรกับคุณ”
“ก็ผมคิดว่าตุ๊กแกมันกัดของผมขาดน่ะซีครับ ที่กลัวจนขนหัวลุก”
“เด็กนั่น...ทำให้คุณเป็นถึงขนาดนี้เชียว”
“ครับ ถ้าเจอกันอีกทีนะ ผมจะขอล้างแค้นให้สาสม”
“จะทำอะไรคะ เพราะตอนนี้เขาคงเป็นสาวสะพรั่งแล้ว”
“ผมจะเรียกค่าเสียหายไง ผมว่าไม่สะพรั่งหรอก ป่านนี้คงเป็นพะโล้ชามใหญ่แล้วละ”
รุ้งระวีเชิ่ดทันที
“แล้วถ้าเขาสวยล่ะ ยังอยากล้างแค้นไหม”
“ถ้าสวยก็ดูก่อน แต่ถ้าสวยแบบคุณรุ้ง ให้อภัยหมดเลย”
รุ้งระวีหัวเราะคิก ทูนอินทร์หัวเราะตาม

จี่หอยและมะปราง แอบมาคุยกัน
“ทำไมมันบังเอิญอย่างนี้นะ อย่างกะนิยายโกหก” จี่หอยบ่น
“แล้วเอาไงดีคะพี่ บอกความจริงคุณทูนดีไหม”
“ไม่ได้เชียวนะ คุณทูนรู้เข้า ไล่เราออกจากบ้านแน่เลย”
อินทรเดินเข้ามา
“เรื่องอะไรปิดบังผมกับพี่ทูนเหรอครับ”
จี่หอย มะปรางตาปริบๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดี

ทูนอินทร์และรุ้งระวียังคุยและหัวเราะกัน ครู่หนึ่งทูนอินทร์มองรุ้งระวีแล้วคลายยิ้มลง ยกรูปแหม่มจ๋าขึ้นเทียบ ภาพเด็กยิ้มกับรุ้งระวีที่ยิ้มเหมือนกัน
รุ้งระวีหยุดยิ้มทันที ทูนอินทร์หน้าเครียด ลุกพรวดขึ้น
“คุณรุ้ง ผมรู้แล้ว ผมรู้ความจริงแล้ว”
“รู้ว่าฉันคือ...”
“ยิ้มอีกซีครับ”
รุ้งระวีฉีกยิ้ม ทูนอินทร์เทียบรูปกับรุ้งระวี
“เหมือน เหมือนกันมาก งั้นซี พอคุณบอกให้ผมร้องเพลงให้คุณฟัง ผมมองหน้าคุณทีไร ผมเกิดอาการประสาทร้องเพลงดีๆ กลายเป็นเพลงลามกทุกที”
“อย่าบอกนะว่า คุณคิดว่าฉันคือเด็กแหม่มจ๋า”
“เปล่า แต่คุณเหมือนยายเด็กนี่มาก ผมมองคุณทีไรก็นึกถึงยายเด็กนี่ทุกที นั่นแหละที่ทำให้ผมร้องเพลงไม่ออก”
รุ้งระวีโล่งอก
“อ๋อ.....”
“ตลกนะครับ”
“ค่ะ ตลกมาก”
ทั้งสองหัวเราะกัน รุ้งระวียกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“เออ...เมื่อไหร่จะให้ผมเห็นรูปคุณกับแม่ละครับ”
รุ้งระวีสำลักทันที ทูนอินทร์มองอย่างสงสัย
“จะดูตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ครับ เห็นว่ารูปอยู่ในห้องนอนใช่ไหมครับ”
รุ้งระวียิ่งเจื่อนกว่าเดิม

รุ้งระวีเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยความไม่มั่นใจ ทูนอินทร์ตามมา รุ้งระวีกลั้นหายใจ มองไปที่เตียงเห็นรูปเธอกับแม่คว่ำหน้าอยู่บนหัวเตียง รุ้งระวีหยิบรูปมาโดยไม่ได้มองรูป แล้วหันมาเผชิญหน้าทูนอินทร์
“ดูแล้ว ก็อย่าว่าอะไรฉันเลยนะคะ”
“ว่าคุณเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ดูเอาเองเถอะค่ะ “
รุ้งระวีส่งรูปให้ ทูนอินทร์รับมาดู
“ฉันขอโทษนะ”
“ขอโทษผมเรื่องอะไร”
“อ้าว.....”
“คุณแม่คุณสวยมากครับ เอ แต่ทำไมเหมือนรูปมันหายไปส่วนนึง”
“ไหนดูซีคะ”
ทูนอินทร์ส่งกลับ รุ้งระวีมองรูปแล้วอึ้ง เพราะที่รูป ส่วนที่เป็นรูปแหม่มจ๋าถูกเฉือนออกไปแล้ว เหลือแต่รูปนางแสงหล้าคนเดียว
“ผมจะขอก็อปปี้รูปไว้นะครับ เห็นหน้าชัดอย่างนี้ผมว่าตามหาไม่ยาก”
รุ้งระวียิ้มเจื่อน ยังสงสัยว่าใครเป็นคนเฉือนรูปทิ้ง

ที่มุมห้องนั่งเล่น...อินทรอยู่ตรงหน้ารุ้งระวี จี่หอย มะปราง มีรูปรุ้งระวีที่ถูกตัดออกในมือรุ้งระวี
“คุณทรน่ะซีไหวตัวทัน ขอดูรูปรุ้งในห้องนอน แล้วเลยให้เราเฉือนหน้ารุ้งออก ก่อนที่คุณทูนจะเข้ามาเห็น” จี่หอยเล่า
“ขอบคุณค่ะคุณทร” รุ้งระวียิ้มให้อินทร
“ไม่นึกจริงๆนะ ว่าแหม่มจ๋า คือคุณรุ้ง...งั้นซี”
“ทำไมคะ”
“พี่ทูนมองหน้าคุณทีไร เห็นหน้าเด็กแหม่มจ๋าแว่บเข้ามาทุกที แล้วก็...”
“คะ”
“ติดใจคุณรุ้ง จนต้องตามไปหาอยู่เนืองๆ”
หอยและมะปรางหัวเราะคิก รุ้งระวีค้อนหน้าแดง
“พี่หอย ปราง พอแล้ว แล้วคุณจะบอกพี่ชายคุณรึเปล่าคะ”
“อยากให้ผมบอกรึเปล่าละครับ”
“ฉันคงต้องบอกเขาสักวัน แต่คงไม่ใช่วันนี้”
“ทำไมละครับ”
“ฉันกับคุณทูนเพิ่งรู้จักกันนะคะ ฉันไม่อยากทำลายความรู้สึกดีๆที่เรามีต่อกัน แต่รับรองค่ะ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อขอโทษเขา และให้เขาให้อภัยฉันให้ได้”
“เข้าใจครับ งั้นผมจะรูดซิบปากเงียบเลย”
“ว่าแต่รูปนี้ ฉันถูกพรากจากแม่อีกแล้ว”
“เดี๋ยวเราจะติดให้ใหม่ค่ะพี่รุ้ง แล้วเก็บภาพจริงไว้ ส่วนรูปในกรอบนั่นจะถ่ายใหม่ เหลือรูปแม่พี่รุ้งคนเดียว”
“ใช่....เพื่อความเซฟของรุ้งด้วย” จี่หอยบอก
ทูนอินทร์เดินเข้ามา ทุกคนรีบทำปกติ รุ้งระวีรีบยื่นรูปแหม่มจ๋าส่งให้มะปรางเก็บไว้
“คุยอะไรกันอยู่ครับ” ทูนอินทร์ถาม
“อ๋อ....คุยเรื่องรูปที่...เอ๊ย...คุยว่าช่วงบ่ายนี้เราจะทำอะไรกันดีน่ะฮ่ะ”
“ไปทานกลางวันที่ร้านในเมืองไงครับ มีตลาดนัดพื้นเมืองให้ช็อปปิ้งด้วย”
“อุ๊ย...งั้นไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” มะปรางรีบ
ทั้งหมดแยกย้ายกันไปเตรียมตัว

ที่ตลาดในเมือง...ทูนอินทร์และรุ้งระวีทานอาหารอยู่ในร้านเก่า ตกแต่งน่ารัก คนเต็มร้าน ขณะที่ไผ่ พงศธรกำลังร้องเพลงช้าขับกล่อมคนฟังอยู่
“บรรยากาศดีจังเลยค่ะ”
“ไว้ไปที่ร้านต้มแซ่บของผม บรรยากาศดีกว่านี้อีกครับ”
ไผ่ร้องเพลงจบ ทุกคนปรบมือ
“ขอบคุณครับ วันนี้เรามีนักร้องดังมาทานอาหารในร้านเราด้วย”
คนในร้านมองหานักร้องที่ว่า รุ้งระวีรีบใส่แว่นดำ ก้มหน้าหลบทันที
“อุ๊ย...อย่าประกาศชื่อฉันนะ”
“ขอเชิญพี่ฟ้าใส ใจสะออนให้เกียรติขึ้นบนเวทีหน่อยครับ”
ทูนอินทร์อึ้งไปทันที ขณะที่รุ้งระวีเก้อไป คนในร้านปรบมือกราว ร่างของฟ้าใสในชุดเซ็กซี่อยู่มุมไกลสุดของร้านลุกขึ้น ผู้ชายเป่าปากวี๊ดวิ่ว
“ฟ้าใสเหรอคะ อุ๊ย...อยากเจอมานานแล้ว”
ฟ้าใสเดินผ่านคนในร้าน ที่จับมือไปตลอดเกือบทุกโต๊ะ ฟ้าใสทั้งจับมือ ทั้งไหว้อ่อนช้อย เดินผ่านมาที่โต๊ะของทูนอินทร์ สบตากับทูนอินทร์อย่างแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทูนอินทร์นั่งกับรุ้งระวี
“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า สวยจังเลย” รุ้งระวีรีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ ไงคะพี่ทูน ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“สบายดีเหรอฟ้า” ทูนอินทร์ทักทายอย่างขอไปที
“ก็ดีค่ะ เสี่ยเขาเลี้ยงดี”
ทูนอินทร์อึ้งไป
“พี่ฟ้าคะ ขอลายเซ็นหน่อยะนะคะ”
รุ้งระวีหยิบกระดาษและปากกา ฟ้ามองรุ้งระวีแล้วจำได้ สายตานั้นหยันๆ
“รอให้ร้องเพลงก่อนนะคะน้องรุ้ง”
“อุ๊ย...รู้จักรุ้งด้วย”
ฟ้าใสยิ้มให้ทูนอินทร์
“รู้ซี รุ้งระวีกำลังดังนี่ เก่งนะพี่ทูน ควงนักร้องหน้าใหม่มาเชียว เฮียอิทธิเขาไม่ว่าหรอกหรือ”
ฟ้าใสแยกไปที่เวที รุ้งระวีเจื่อนไป ทูนอินทร์หน้าเครียด
“พี่เขาหมายความว่ายังไงคะ”
ทูนอินทร์ขรึมไป
“ไม่ทราบเหมือนกัน รุ้งอิ่มรึยัง ถ้าอิ่มแล้วเราย้ายร้านเถอะ”
“เดี๋ยวนะคะ ขอฟังพี่ฟ้าร้องเพลงก่อน”
บนเวที ฟ้าใสทำเป็นยิ้มร่าเริง
“น้องไผ่นี่น่าตีจัง ฟ้าแอบมาทานข้าวก็ยังเรียกให้ขึ้นมาร้องจนได้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เกิดอยากร้องขึ้นมาจริงๆ เพราะมีอดีตคนรู้ใจของฟ้ามาฟังด้วย เพลงอะไรดีเอ่ย”
“ของรัก ของหวง”
“ได้ค่ะ ใครที่ชอบแย่งคนรักของคนอื่น ฟังให้ดีๆนะ จะได้ไม่แย่งของของชาวบ้านเขา”
รุ้งระวีอึ้งไป สบตากับทูนอินทร์ ไม่แน่ใจว่าโดนด่ากระทบรึเปล่า
เพลงขึ้นทันที ฟ้าใสทั้งร้อง ทั้งเต้นอย่างมืออาชีพ เนื้อเพลงกล่าวถึงคนรักของใครใครก็หวง อย่าเที่ยวแย่งสามีชาวบ้านเขา มีจังหวะดนตรีโซโล ฟ้าใสเต้นท่าส่ายสะโพก ซึ่งเป็นท่าประจำตัวของเธอ คนยิ่งเฮลั่น
รุ้งระวีพยายามไม่คิดมาก ทำใจให้สนุกไปกับเพลง แต่ทูนอินทร์ไม่สนุกด้วย ฟ้าใสลงจากเวที เดินมานั่งลงบนตักทูนอินทร์ คนดูเฮ ฟ้าใสร้องโดยคลอเคลียไปกับทูนอินทร์ด้วย
รุ้งระวีอึ้ง ทูนอินทร์อึดอัด แต่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ฟ้ายั่วจนสะใจแล้ว จึงกลับไปจบท่อนบนเวทีด้วยการโพสเซ็กซี่ คนดูชอบใจปรบมือลั่น รุ้งระวีปรบมือสุดตัว แต่ทูนอินทร์นั่งนิ่งไม่แสดงอาการใด ๆ

ที่บริษัท...จุ๊บแจงโวยใส่อิทธิ ขณะที่จวงใจนั่งอยู่มุมห้อง คิดอะไรบางอย่าง
“ทำไม มันไปค้างไร่อินสรวงได้ ทำไมแจงจะไปบ้างไม่ได้”
“นายทูนเขาไม่ได้เชิญเรานะแจง จะหน้าด้านไปได้ยังไง” อิทธิย้อน
“ก็เลยให้สิทธิ์นังรุ้ง มันคนเดียว”
“ก็ใช่....เพราะรุ้งเขาอยากไปพักผ่อน อีกอย่างเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ เจอนักร้องร่วมค่ายที่คอยแกล้งอยู่ตลอดแบบนี้ เขารำคาญ ไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน” อิทธิไล่
“ไม่ไป แจง...”
จวงใจรีบตัดบท
“แจง พอแล้ว ไปได้แล้ว”
“พี่จวง”
จวงใจลุกขึ้น ดึงจุ๊บแจงออกจากห้องทันที

จวงใจดึงจุ๊บแจงออกมา แอบมองเข้าไปในห้อง ขณะที่อิทธิต่อมือถือ
“รุ้งเหรอ เป็นยังไง ไร่อินสรวง นายทูนต้อนรับดีไหม”
รุ้งระวีรีบแยกมาคุยนอกร้าน
“ดีมากค่ะ”
“เสียงอะไรน่ะ”
“มาทานกลางวันร้านพี่ไผ่ ในเมืองกับคุณทูนค่ะ มีดนตรี”
“ไปกับนายทูนสองต่อสองงั้นเหรอ”
“มากันหมดค่ะ พี่หอย มะปราง”
“พรุ่งนี้ผมจะไปนะ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับถ่ายมิวสิค”
“ค่ะ คุณอิทธิ”
“คิดถึงนะครับ”
อิทธิเลิกสาย ชักเป็นกังวลเรื่องทูนอินทร์ จวงใจปิดประตูเบาๆอย่างเครียดๆ
อ่านต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 6/2
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์