หน้าเว็บ

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนอวสาน(ตอนจบ)

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนอวสาน(ตอนจบ)
ลำเภาอ่านการ์ดแล้วก็คิดๆ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือจะหยิบแหวน ที่มัดอยู่กับตัวเป็นต่อ ระหว่างที่ลุ้นจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้น ทันใดนั้นเป็นต่อก็เกิดเปรี้ยววิ่งหนีขึ้นมาซะงั้น ธีธัชตกใจร้องออกมา
“เฮ้ย”
ลำเภาชะงักค้างไป
“เป็นต่อจะไปไหนลูก”

เป็นต่อวิ่งเปรี้ยวอย่างร่าเริง พอใจนึกสนุกก็วิ่งด้วย หมาตัวอื่นก็สนุกตามวิ่งกันให้พล่านเต็มไปหมด ธีธัชถึงกับหน้าเสียทันที
“เวรแล้วกู”
ธีธัชรีบวิ่งออกมาจากที่ซ่อนทันที
“เป็นต่อกลับมาก่อน...ไอ้เป็นต่อ”
ธีธัชวิ่งไล่จับหมาหน้าตาเลิกลัก
จามจุรีมองหน้านิ่งๆ แล้วก็ยกมือถือมาถ่ายคลิป
“ถ่ายส่งไปให้พ่อดูดีกว่า… อิอิ” จามจุรีทำหน้ากวนนิ่งๆ เหมือนลำเภา

ทั้งธีธัชและลำเภาวิ่งไล่จับเป็นต่อ เป็นต่อก็วิ่งหนีไปอย่างสนุกสนาน สองคนวิ่งไล่จับไปจนหัวชนกัน
“โอ้ย” ลำเภาและธีธัชร้องขึ้นพร้อมกัน
เป็นต่อหันมาเห่า ทั้งสองคนก็วิ่งตามต่ออีก
“ซาลาเปาหยุดก่อน แหวนแพงนะเว้ย .. กลับมา”
“แพงน่ะเท่าไหร่” ลำเภาวิ่งไปถามไป
“ล้านสอง”
“หะ แหวนแต่งงานเนี่ยนะล้านสอง เป็นต่อกลับมาหาหม่ามี๊เดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนยังคงวิ่งไล่จับเป็นต่ออย่างไม่คิดชีวิต ามจุรีถ่ายคลิปไป แล้วก็ส่ายหน้า
“เฮ่อ...เด็กสมัยนี้ ง่ายๆ ไม่เป็น” จามจุรีกดหยุดอัดวิดีโอแล้วก็เดินเข้าบ้านไป

ธีธัชกระโดดมับจับตัวเป็นต่อไว้ได้
“หยุดเลย ไอ้ตัวแสบ....เอาแหวนมานี่เลย”
ลำเภาวิ่งตามมาทรุดตัวลงข้างๆ หอบแห่ก
“เฮ่อ เป็นต่อทำไมเปรี้ยวยังเงี้ยหล่ะลูก”
ธีธัชถือจังหวะชุลมุนรีบหยิบแหวนออกมาแล้วก็จับมือลำเภามาสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย
“เฮ้ย ใส่เลยเหรอ ฉันยังไม่โอเคเลยนะ”
“วิ่งตามแหวนซะขนาดนั้นก็ถือว่าเป็นคำตอบล่ะกันนะ..เนียนๆกันไปนะ”
“แหวนสวยดี...แต่งก็ได้”
“เย้”
ธีธัชร้องแล้วโผเข้ากอดลำเภาอย่างแน่น หอมแก้มอีกหนึ่งทีท่ามกลางเหล่าน้องหมาที่วิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน ดนตรีบรรเลงดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

โทรศัพท์วัชระมีข้อความเข้า วัชระหยิบมากดอ่าน เป็นข้อความมาจากธีธัชความว่า
“เภาโอเค..เหลือแกคนเดียวทั่นผู้กอง”
“เวรแล้ว คนสุดท้าย กดดันเว้ย แล้วจะขอยังไงวะเนี่ย”
วัชระคิด..คิด..คิด

สวนดอกไม้สีสวยซึ่งมีลานน้ำพุในสวนธารณะแห่งหนึ่ง สุพรรณิการ์เดินมามองซ้ายมองขวา ก่อนจะกดโทรศัพท์โทร.หาวัชระ
“ฉันมาถึงแล้วนะ อยู่ไหนแล้ว”
“เกือบจะถึงแล้ว ยืนรอตรงน้ำพุนะ จะได้เห็นชัดๆ”
“โอเค”
สุพรรณิการ์วางสายจากวัชระและเดินไปที่บริเวณกลางลานน้ำพุ
ทันใดนั้นก็มีเสียง วงดนตรีของวงดุริยางค์บรรเลงเพลงขึ้นอย่างอึกทึกครึกครื้น สุพรรณิการ์หันไปมองนิดๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจมาก คนที่เดินไปมาหันไปมองด้วยความสนใจ ขบวนดุริยางค์เดินตรงมาที่สุพรรณการ์ยืนอยู่ สุพรรณิการ์หันไปมอง และรู้สึกว่าตัวเองคงจะขวางทางก็เลยเดินขยับหนีมาอีกทาง ขบวนก็เดินตามมาอีก จนสุพรรณิการ์เริ่มจะสงสัย ยืนท้าวเอวมองด้วยความงง
“จะเอายังไงกันแน่เนี่ย”
นักดนตรีวงดุริยางค์ก็แปรขบวนล้อมรอบตัวสุพรรณิการ์ และบรรเลงเพลง “พรหมลิขิต” ของสุนทราภรณ์ท
สุพรรณิการ์เริ่มเอะใจ เพลงพรหมลิขิตดังไปทั้งสวน ผู้คนหันมามองด้วยความสนใจมากมาย
“นี่มันอะไรกันแน่”
ทันใดนั้นวงดุริยางค์ก็ค่อยแปรขบวนอีกครั้ง แถวค่อยๆคลี่ออก ขยายออก จนเห็นวัชระยืนยืนอยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศอย่างเท่ ในมือถือช่อดอกไม้น่ารักๆ สุพรรณิการ์ถึงกับอึ้ง
วัชระเดินเข้ามาหาดนตรียังคงบรรเลงอยู่ วัชระมาหยุดตรงหน้า สุพรรณิการ์น้ำตาเริ่มซึมๆ
“ฝ้าย..ผมรู้ว่าคุณต้องการให้เราเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่ และผมก็รู้ว่าเวลาที่เราเรียนรู้กันมันอาจจะไม่ได้นานมาก แต่มันทำให้ผมรู้ว่าคุณคือคนที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอดไป”
ชระคุกเข่าต่อหน้า...เสียงดนตรีแผ่วลง
“ฝ้าย..คุณจะ”
“แต่งค่ะ” สุพรรณิการ์สวนขึ้น
“เฮ้ย”
“แต่งก่อนแล้วค่อยไปเรียนรู้กันหลังแต่งก็ได้ คนเราเรียนรู้กันได้ตลอดชีวิต” สุพรรณิการ์ว่า
“โอเค งั้นก็ตามนั้น” วัชระยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อเล็กสวยให้สุพรรณิการ์
วัชระยืนขึ้นและดึงสุพรรณิการ์มากอด ทั้งสองคนก็กอดกันมีดนตรีบรรเลงเพลงพรหมลิขิตขึ้นมาอีกรอบ คนในสวนมองแล้วก็ยิ้มๆ บางคนถ่ายรูป บางคนถ่ายคลิป บรรยากาศชื่นมื่นมากมาย

วงดนตรีจากร้านสาดสุรากำลังเล่นเพลง “พรหมลิขิต” ในแบบทันสมัยอยู่ในสวนดอกไม้ นักดนตรีใส่ชุดย้อนยุคสมัยสุนทราภรณ์
เบญลี่ในชุดสวยเก๋ เปรี้ยว ปรี๊ด ยืนอยู่ที่เวทีกลางที่ถูกรายล้อมด้วยงานแต่งงานถึงสามบรรยากาศ
งานแต่งงานทั้งสามคู่ - สามงานอยู่ในลานเดียวกัน ส่วนหนึ่งเป็นบรรยากาศย้อนยุคและวงดนตรีเล่นเพลงสุนทราภรณ์ มีรุ่นใหญ่มาเต้นรำ อีกส่วนเหมือนสวนสัตว์ขนาดย่อม มีหมาวิ่งไปมา บรรยากาศสบายๆ น่ารักๆ อีกส่วนเป็นแบบหรูหรา ไฮโซ มีรถเท่ๆจอดคู่กันอยู่สองคัน เหมือนผู้หญิงและผู้ชาย บริเวณรอบๆจัดเหมือนถนนที่มีดอกไม้ และภาพวาดของกริชชัยวางประดับอยู่อย่างสวยงาม
“สวัสดีค่ะทุกๆ ท่าน ..ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานแต่งงานในรูปแบบบูรณาการ วัน สต๊อป เวดดิ้ง มาที่เดียว ได้ถึงสามงาน ครบทั้งสามคู่ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน และประหยัดงบในการจัดงานมากๆค่ะ”
คนในงานยิ้มขำกับมุกของเบญลี่
เนตรนภัสแต่ตัวสวยเดินเข้ามากับมาร์คในชุดหล่อ
“ทุกท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า...ในงานนี้เรามีสามคอนเซปท์ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ละคู่ หลายคนอาจจะคิดว่า..ตายแล้ว..เก๋จัง คิดได้ยังไง แต่จริงๆแล้ว..กว่าจะมาลงตัวในแบบนี้ มันไม่ง่ายเลยค่ะ”
เบญลี่ยิ้มกว้าง

พื้นที่ในบริเวณแต่งงานแต่เดิมเป็นเป็นพื้นสนามหญ้าโล่งๆ กว้างขวางที่ธีธัช กริชชัย วัชระ มายืนเถียงกันเกี่ยวกับงานแต่งงาน
“ในงานแต่งงาน ฉันอยากเอารถรุ่นใหม่มาโชว์ด้วย” กริชชัยบอก
ธีธัชกับวัชระหันขวับ
“งานแต่งงานนะเว้ย ไม่ใช่มอเตอร์โชว์” วัชระบอก
“นั่นดิ ทั่นประธาน ขายของตลอด” ธีธัชหยอก
“ฉันไม่ได้จะขายรถ แต่รถที่เอามาโชว์เป็นรถที่ฉันสั่งมาเป็นของขวัญให้อรุณศรี เพื่อนๆในแกงค์เค้าอยากเห็น แล้วยังจะรูปที่ฉันวาดให้อรุณศรีอีก ฉันก็อยากเอามาประกอบในงานด้วย แขกที่มาจะได้รู้ที่มาที่ไปของฉันกับเค้า” กริชชัยอธิบาย
ธีธัชเอามั่ง
“ในส่วนของฉันกับเภาก็ต้องมีบริเวณให้ล่ำ เป็นต่อ พอใจ มาวิ่งเล่นด้วย เนี่ยแขกสำคัญนะเว้ย แล้วยังจะเพื่อนๆเค้าอีก”
“เพื่อน “เค้า” เนี่ย เพื่อน ใคร” วัชระถาม
“อ้าว..เพื่อนล่ำ เป็นต่อ พอใจไง” ธีธัชพูดอย่างภูมิใจ
“แกเชิญหมามางานแต่งงานด้วยเนี่ยนะ”
“เออดิ ถ้าไม่เชิญมีงอนแน่”
กริชชัยอึ้ง วัชระพูดขึ้น
“ฉันลืมบอก..ฝ้ายจะให้วงที่ร้านมาเล่นเพลงสุนทราภรณ์ด้วยนะ”
“เออดี..ทั้งหมาทั้งเพลง เดี๋ยวก็ตีกันตาย แล้วไงวะ เปิดฟลอร์ลีลาศด้วยหรือเปล่า” กริชชัยว่า
“แกรู้ได้ไงวะ ญาติๆฝ้ายที่ระยองเตรียมมาแดนซ์กระจายเลยนะเว้ย” วัชระคุยโว
“โห...แล้วมันจะเข้ากันมั้ยวะเนี่ย ทั้งลีลาศ ทั้งหมา”
วัชระหันขวับมาสวน
“โหย..แล้วรถมอเตอร์ไซค์กับภาพวาดของแก เข้ากันตายเลย”
“เออจริง เฮ้ย..ถ้าเกิดล่ำกับเพื่อนวิ่งร่าเริงไปชนรถแกล้ม หรือไปชนภาพวาดแกพังขึ้นมาแกจะทำยังไงวะ” ธีธัชถาม
“เฮ้ย ไม่ได้ แกต้องคอยจับคุณหมาๆของแกอย่ามาเข้าใกล้รถกับภาพวาดของฉันนะเว้ย” กริชชัยบอก
“ไอ้บ้า แล้วฉันจะไปจับยังไงวะ ฉันกับเภาก็ต้องคอยดูแลแขก แล้วหมาก็ไม่ใช่ตัวเดียว มาเป็นฝูง จับไม่ไหวหรอก”
แล้ววัชระก็บรรเจิดไอเดียออกมา
“แกจับไม่ได้ ก็กั้นรั้วไว้เลย ให้คุณหมารับเชิญอยู่ในรั้ว แยกไปเป็นที่เป็นทาง เป็นสัดเป็นส่วนไป”
“เออ ไอ้วัชพูดน่าคิดเว้ย ฉันว่า..จริงๆไม่ใช่แค่น้องหมาที่ต้องกั้น งานเราสามคนกั้นรั้วไปเลย แบ่งเป็นโซนนิ่ง” ไปเดียของวัชระ ทำให้กริชชัยเริ่มหาทางออกกับการจัดงาน
วัชระกับธีธัชหันมางงๆ
“แกอยากจะย้อนยุคเรโทรก็กั้นไป ส่วนแกอยากจะรักสัตว์ก็จัดเต็มไป ส่วนฉันอยากโชว์อะไรก็โชว์ แล้วเราก็ทำเวทีไว้ตรงกลางหนึ่งอัน เอาไว้จัดงาน .. แค่นี้เป็นอันครบจบพิธี”
วัชระกับธีธัชพยักหน้าเห็นด้วย... “เออจริงเว้ย”

เสียงเบญลี่ดังเข้ามาอีก
“หลังจากถกเถียงกันอย่างหนัก ทั้งสามหนุ่มของเราก็ได้งานแต่งงานแบบเมดเลย์อย่างที่ทุกคนได้เห็นกันในวันนี้ “
เบญลี่ยิ้มกว้างและพูดต่อ
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวของเราทั้งสามคู่ขึ้นมาบนเวทีเลยดีกว่าค่ะ ขอเชิญค่า”
เบญลี่ตบมือนำ...คนในงานตบมือตาม
คู่ของกริชชัยและอรุณศรีเดินออกมาในชุดแต่งงานแนวหรูหราไฮโซทั้งคู่ ดูสวยสง่าราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิง
ธีธัชและลำเภาเดินออกมาในชุดแต่งงานน่ารักน่าชัง มีกลิ่นอายของเฟอร์ ขนๆ ฟูๆ ดูลำลองๆนิดๆ แต่รักเก๋ไก๋สมวัย ธีธัชลำเภาเดินมา ล่ำ เป็นต่อ พอใจ เห่ารับอย่างมีความสุข พร้อมกับกลิ้งไปมา จามจุรียืนยิ้มกริ่ม..ถ่ายคลิปเก็บไว้อีกตามเคย ข้างๆมีพ่อของลำเภายืนอยู่ด้วย
วัชระและสุพรรณิการ์ออกมาในลีลาแทงโก้ที่ไม่เหมือนใคร เสียงเพลงของวงดนตรีดังรับอย่างสนุกสนาน สองคนอยู่ในชุดแต่งงานสุดเท่ ไม่หรูไป ไม่หวานไป เท่ๆ เก๋ๆ เหมาะกับการเต้นรำ เมื่อวัชระ สุพรรณิการ์ออกมาปุ๊บ เสียงกรี๊ดของคนในงานก็ดังสนั่น ลีลาการเต้นของสองคนยังเรียกเสียงฮาจากคนในงานได้อย่างน่ารักน่าชัง
เนตรนภัส และมาร์คยืนอยู่ในงาน เนตรนภัสตบมือแล้วก็ขำในความกล้าของวัชระ คนในงานเต็มไปด้วยความสุข ชื่นมื่น ....
“ต่อไปจะเป็นการสร้างความร้าวฉาน เพราะเราอิจฉา”

บนเวทีเห็นเบญลี่ยืนอยู่ บ่าวสาวทั้งสามคู่ นั่งเป็นคู่ๆ แต่ละคู่หันหลังชนกัน
“เราจะให้ทั้งสามคู่มาเล่นเกมเล็กๆน้อยๆ เป็นการเช็คว่าแต่ละคู่เค้ารักกันมากแค่ไหน แล้ว..รักกันจริงป่ะ ? ด้วยคำถามที่แสนง๊าย...ง่าย พอเบญลี่ถามแล้วแต่ละคนจะตอบด้วยป้ายที่ถืออยู่ ห้ามแอบดูกันนะคะ ถ้าตอบตรงกันก็ถือว่าใจตรงกัน ถ้าตอบไม่ตรงกันก็ต้องไปเคลียร์กันเอง”
ป้ายในมือของแต่ละคน ฝ่ายหญิงถือ “ฉันเอง” อีกด้านหรือ “เขาคนเดียว” ส่วนฝ่ายชายถือป้าย “ผมครับ” และ “เธอเท่านั้น”
“เบญลี่จะถามคำถามเดียวกันทั้งสามคู่ แต่ละถามทีละคู่ เริ่มจากคู่นี้ก่อนเลยนะคะ คู่เล็กกระทัดรัด คุณธีธัชและน้องลำเภา คำถามมีอยู่ว่า...ระหว่างสองคน...ใครเป็นฝ่ายเริ่มรักก่อน ตอบค่ะ”
ธีธัชยกป้าย “เธอเท่านั้น” ลำเภายกป้าย “เขาคนเดียว” สองคนหันมาดูป้ายแล้วก็โวย
“ไม่จริงเลย ฉันไม่ได้เริ่มต้นรักก่อนสักหน่อย ตัวเองนั่นแหละเริ่มก่อน”
“แต่ที่เค้าเริ่มก่อน เพราะตัวเองนั่นแหละแสดงออกมาก่อนว่าชอบ แต่ไม่ยอมรับต่างหาก”
“ที่ไม่ยอมรับ เพราะไม่ได้ชอบต่างหาก ตัวเองนั่นแหละมาตามตื้อเค้า ขอเป็นแฟน”
“แต่ตัวเองเป็นฝ่ายมาตามตื้อโมเม เป็นแฟนเค้าก่อนนะ”
ทันใดนั้นเบญลี่ก็แทรกเข้ามา
“เราข้ามไปคู่ต่อไปเลยดีกว่าค่ะ”
ลำเภายังไม่ยอม
“ตัวเองนั่นแหละ” / “ตัวเองนั่นแหละ”
ทั้งธีธัชและลำเภาแง้วๆ ใส่กัน ไม่มีใครยอมใครอีกตามเคย

วัชระและสุพรรณิการ์นั่งหันหลังให้กัน เบญลี่เดินเข้ามา
“แล้วคู่นี้ล่ะคะ ระหว่างคุณวัชระ ผู้กองหน้าเข้ม กับน้องฝ้าย สุพรรณิการ์ อยากรู้จังว่า ใครเป็นฝ่ายเริ่มรักก่อนคะ ตอบค่ะ”
วัชระชูป้าย “ผมครับ” สุพรรณิการ์ชูป้าย “ฉันเอง” สองคนหันมาดูแล้วยิ้มอายทำหวานใส่กัน ข้ามหัวเบญลี่ที่ยืนอยู่ตรงกลาง
“ฝ้ายชอบผมก่อนจริงๆ เหรอ ทำไมไม่เคยรู้เลย”
“ก็จะบอกได้ไง มีแฟนอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้ววัชน่ะ ชอบฝ้ายจริงๆ เหรอ ไม่เห็นจะรู้เหมือนกัน”
“มันก็ชอบอ่ะนะ แต่เหมือนแบบไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าอยากเจอทุกวัน อยากอยู่ใกล้ๆ อยากทำอะไรๆ ด้วย”
สาวๆ ในงานกรี๊ดด้วยความอิจฉา สุพรรณิการ์ยิ้มอายๆ
“จริงเหรอ”
“จริงสิ”
เบญลี่ทนไม่ได้แทรกขึ้นมา
“บทจะหวานก็หวานขึ้นมาซะงั้น อิจฉาค่ะ ขอไปคู่สุดท้ายเลยแล้วกันนะคะ”
วัชระกับสุพรรณิการ์ยังมองกันอย่างหวานฉ่ำ สมกับที่ฝ่าอุปสรรคกันมาอย่างโชกโชน เบญลี่เดินไปที่คู่ของกริชชัยและอรุณศรี

คู่ของกริชชัยและอรุณศรี..นั่งรออยู่ด้วยความตื่นเต้น
“คู่สุดท้ายเป็นคู่ที่เบญลี่เชียร์จนแทบจะขาดใจ สุดท้ายก็ได้กัน”
กริชชัยกับอรุณศรียิ้มอายๆ
“คู่ของทั่นบอส และ น้องอรุณศรีค่ะ”
กริชชัยและอรุณศรีนั่งหันหลังให้กัน
“อยากรู้จริงๆ เลยว่า ระหว่างบอสกริชชัยและน้องอรุณ ใครเป็นฝ่ายเริ่มรักก่อน ตอบค่ะ”
กริชชัยชูป้าย “ผมครับ” อรุณศรีชูป้าย “เขาคนเดียว” เบญลี่และคนในงานกรี๊ดถูกใจ ทั้งสองคนหันมาดูคำตอบแล้วก็ยิ้ม กริชชัยยิ้มพอใจ อรุณศรียิ้มอายๆ
“มันยังไงคะทั่นประธาน”
“ผมเริ่มก่อนเลยครับ แอบรักมานานแล้ว รักโดยที่ไม่รู้ด้วยว่าเค้ารักหรือเปล่า แต่ผมแน่ใจว่าผมรักอรุณศรีแน่ๆ และจะรักตลอดไป”
สาวๆ ในงานเพิ่มกำลังกรี๊ดด้วยความอิจฉา อรุณศรียิ้มอาย น้ำตาซึม กริชชัยเช็ดน้ำตาให้อรุณศรีอย่างอ่อนโยนและหอมแก้มอย่างน่ารัก คนในงานกรี๊ดและตบมือดังกึกก้อง
เสียงวัชระดังขึ้น
“ทั่นประธานอย่าขโมยซีนสิครับ แบบนี้มันต้องแชร์”
วัชระพูดจบก็พุ่งไปหอมแก้มสุพรรณิการ์แบบไม่ให้ทันตั้งตัวจนอีกฝ่ายร้อง “ว้าย”
“เค้าหอมกันหมดเลย ขอมั่งดิ” ธีธัชบ่น
ธีธัชก็พุ่งมาหอมแก้มลำเภาทันที ลำเภาสะดุ้งนิดๆ แล้วก็ยิ้มโหดๆ
“เนียนนะ...แบบนี้ต้องเอาคืน”
แล้วลำเภาก็จับหน้าธีธัชล็อคแล้วก็กระหน่ำหอมอย่างบ้าคลั่งเป็นการแกล้ง ธีธัชขำคิกคักชอบใจ
“โอ้ย…หอมทีเดียว เอาคืนเยอะจัง”
ทั้งสามคู่ค่อยๆลุกขึ้นยืน และหันมาทางแขก เสียงของอรุณศรีดังแทรกเข้ามา
“If so many men, so many minds, certainly so many hearts, so many kinds of love.”
คำคมประโยคนี้เป็นของ เลโอ ตอลสตอย นักคิดนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลแห่งรัสเซีย
กริชชัยถอดความว่า

“ถ้าคนยิ่งมาก ความรู้สึกยิ่งหลากหลาย หัวใจยิ่งมากมาย ความรักยิ่งหลากหลายรูปแบบ”

วันนี้...กริชชัย อรุณศรี วัชระ สุพรรณิการ์ ธีธัชและลำเภา ยืนอยู่ในชุดแต่งงาน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรักที่แสนอบอุ่นและสวยงาม ซึ่งพวกเขาจะบันทึกและจารจำช่วงเวลานี้ไว้ในใจไปตราบนานเท่านาน

จบบริบูรณ์

อ่านสามหนุ่มเนื้อทอง ตอนอวสาน(ตอนจบ)
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์