หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2

ในเวลาต่อมา บุญทันเดินเข้ามาในลอบบี้โรงแรมและกดโทรศัพท์หาธาวินทันที แต่ไม่มีคนรับ
“ไอ้วินมันปิดเครื่องทำไม”
บุญทันตัดสินใจเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อถามพนักงาน
“ขอโทษครับคุณธาวินพักห้องไหนครับ”

พนักงานสำรวจรายชื่อผู้เข้าพักในจอคอมพิวเตอร์
“ไม่มีนะคะ”

“มีสิครับ เค้าบอกผมเองว่าพักอยู่ที่นี่”
“แต่ดิชั้นเช็กแล้วไม่มีค่ะ หรือว่าเปิดชื่อในนามคนอื่นรึเปล่าคะ”
“อ้อ ใช่ ... ผมลืมไปชื่อ ภูบดี วริทธิวรนันท์ครับ”
พนักงานกดคอมพิวเตอร์ดูอีกที
“ถ้าชื่อภูบดีมีค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
บุญทันเดินออกออกจากเค้าน์เตอร์เพื่อตรงไปยังหอพักของธาวินทันที

บุญทันเดินมาหยุดที่หน้าห้องพักแล้วเคาะประตู ไม่มีเสียงตอบ บุญทันเคาะประตูซ้ำ
“วิน ... ชั้นเอง” บุญทันตะโกนเรียก
บุญทันขยับลูกบิดประตูจึงรู้ว่า ประตูห้องไม่ล็อค บุญทันชะงักเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

บุญทันเดินเข้ามาข้างในห้อง เห็นธาวินนอนหลับไม่ได้สติอยู่จึงเดินเข้าไปเรียก
“เฮ้ย! ไอ้วิน! ไอ้วิน”
บุญทันเขย่าตัวธาวินจนฟื้น ธาวินรู้สึกตัวค่อยๆลืมตาแต่ยังมึนหัวอยู่
“ไอ้ภู!” ธาวินเรียกบุญทัน

ภายในบ้านเช่า ญาดากำลังนับเงินส่วนแบ่งให้แม่
“นี่ส่วนของแม่หมื่นนึง นี่ของหนู อีกหมื่นนึง แล้วนี่หมื่นห้าเป็นเงินเก็บของเรา”
เจ๊อ้อยมองไปที่ของมีค่าอื่นๆที่วางอยู่ใกล้ๆเช่น โทรศัพท์มือถือ, นาฬิกา, กล้องและอุปกรณ์ถ่ายรูป, ไอแพด เจ๊อ้อยหยิบไอแพดขึ้นมาดูแล้วว่า
“แล้วของพวกนี้ล่ะ ... ข้าขอไอ้แผ่นนี่ได้ป่ะ มันใช้ยังไงวะ”
ญาดาแย่งไอแพดจากมือแม่ทันที
“ของทั้งหมดนี่ หนูจะเอาไปปล่อยพรุ่งนี้ ส่วนเงินที่ได้มาก็จะเก็บเข้ากองกลาง”
“เฮ้ย ไอ้ตาล เอ็งจะเก็บเงินไปทำไมเยอะแยะวะ”
“แล้วแม่ล่ะ แม่จะเอาเงินไปทำไมเยอะแยะ มีเยอะก็ใช้เยอะ”
ญาดาเดินไปหยิบกล่องในลิ้นชักตู้ด้านหลังเพื่อมาใส่เงิน
“นึกๆ แล้วก็อดสงสารนายรูปหล่อคนนั้นเหมือนกันนะ เพิ่งมาจากเมืองนอกแท้ๆ” ญาดาว่า
เจ๊อ้อยฉวยโอกาสที่ญาดาหันหลังให้ แอบฉกแหวนประจำตระกูลใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง
“เอ็งไม่ต้องไปสงสารมันหรอก ท่าทางมันจะเป็นคนมีเงิน ดูดิมีแต่ของใช้แพงๆทั้งนั้น
เราขอแบ่งมาใช้แค่เนี้ย คนรวยมันไม่เดือดร้อนหรอก”
ญาดาเดินกลับมาที่โต๊ะก็รู้ว่ามีของหายไป จึงแบมือออกตรงหน้าแม่
“แม่! เอาแหวนคืนมา”
“แหวนอะไร”
“อย่ามาทำมึนแม่ หนูรู้นะว่าแม่เอาแหวนไป”
เจ๊อ้อยจำใจต้องคืนแหวนให้ญาดาอย่างเสียไม่ได้ ตาลเอาแหวนใส่นิ้วนางซ้าย
“เอ็งจะงกอะไรกับแม่กับเชื้อวะ เหนื่อยก็เหนื่อยมาด้วยกัน”
“แต่เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่า ต้องเก็บเงินไว้ใช้หนี้ หนี้ที่แม่สร้างเอาไว้คนเดียว” ญาดาพูดพลางจ้องหน้าเจ๊อ้อยเขม็ง
“เออ ข้ารู้น่า”
เจ๊อ้อยเถียงไม่ออกได้แต่ทำสีหน้าเซ็งๆ ที่เห็นญาดาถือของทั้งหมดเดินเข้าห้องไป
ญาดาเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วเปิดเซฟขนาดเล็ก เอาเงินกองกลางและเงินตัวเองเก็บในเซฟส่วนตัว
“พอเราใช้หนี้ให้แม่หมด เราก็จะได้เปิดร้านของตัวเองซะที”
ญาดาล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข

ในเวลาต่อมา ภายในห้องสูทของโรงแรม บุญทันหันหน้ามาถามธาวินอย่างซีเรียส

“มันเอาแหวนไปด้วยงั้นหรือ”
“ใช่ ชั้นขอโทษ ชั้นไม่น่าเชื่อใจยัยนั่นเลยนึกว่า เธอตาบอดจริง ๆไม่คิดว่าจะเจอพวกสิบแปดมงกุฎ”
“ถ้างั้นเราต้องแจ้งความไว้ก่อน” บุญทันว่า
“แต่ถ้าเรื่องถึงตำรวจ แผนที่เราวางไว้ทั้งหมดก็ต้องถูกเปิดเผยนะว่าแกคือภูบดี ทายาทของวริทธิวรนันท์ ไม่ใช่ชั้น และที่สำคัญแกจะสืบเรื่องการตายของลุงแกได้ยังไง” ธาวินบอก
“ก็จริงของแก” บุญทันพูดพลางถอนใจ
“แกไม่ต้องห่วง ชั้นรู้ว่าแหวนนั่นมันสำคัญสำหรับแก ชั้นจะตามหายัยแสบนั่นให้เจอแล้วเอาแหวนคืนมาให้ได้”
บุญทันมองหน้าธาวินอย่างหนักใจ

เวลากลางคืน ภายในบ้านวริทธิวรนันท์ พิพัฒน์ชายวัย 70 กว่าเจ้าของบ้านวางแก้วชาลง ทนายปรารภนั่งตรงข้าม
“แน่ใจนะว่าเป็นภูบดี หลานชายของชั้นจริงๆคุณปรารภ” พิพัฒน์ถามขึ้น
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับท่าน เพราะผมเห็นคุณภูใส่แหวนประจำตระกูลของคุณภูวดลด้วย”
“ชั้นดีใจจริงๆ ที่มันยอมกลับเมืองไทย” พิพัฒน์พูดพลางถอนหายใจแล้วพูดต่อ
“หวังว่ามันจะยกโทษให้ในสิ่งที่ชั้นทำกับพ่อมันนะ”
“เท่าที่ผมคุยกับคุณภู ผมว่าท่าทางแกไม่ได้โกรธแค้นอะไรคุณท่านเลยนะครับ” ปรารภบอก
“แล้วทำไมคุณไม่พาตาภูมาหาชั้นวันนี้เลย”
“คุณภูแกขอเวลาเคลียร์ธุระส่วนตัวสองสามวันครับ”
“ขอบใจมากนะคุณปรารภ เฮ้อ ชั้นจะได้ตายตาหลับซะที”
“งั้นผมลาคุณท่านกลับก่อนนะครับ”
“เชิญ ขอบใจมาก”
ปรารภลุกเดินออก พิพัฒน์มองรูปภูวดลและภาคินลูกชาย
“ภูวดล พ่อขอชดใช้ความผิดทั้งหมดให้กับลูกชายแกนะ”

เช้าวันใหม่ ภายในตึกใหญ่ของบ้านวิริทธิวรนันท์ สาวใช้ยกเครื่องดื่มมาวางให้นภาและปารมีที่นั่งคู่กัน
“คุณปู่เรียกประชุมเรื่องอะไรหรือคะแม่” ปารมีถามขึ้น
“แม่ก็ไม่รู้ แต่หวังว่าท่านจะเรียกพวกเรามาแบ่งมรดกนะ” นภาบอก
เป็นจังหวะเดียวกับที่เอนกและอนุทินเดินเข้ามาพอดี
“ถ้าแบ่งจริงก็ดีสิ บางคนจะได้รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอลมๆแล้งๆ” เอนกพูดแขวะขัดจังหวะขึ้นทันที
นภาชักสีหน้าไม่พอใจแล้วถาม
“พี่เอนกหมายถึงภาหรือคะ”
“แล้วเธอคิดว่าผู้อาศัยอย่างเธอ มีสิทธิ์อะไรในมรดกของตระกูลวริทธิวรนันท์รึเปล่าล่ะ” เอนกย้อนถาม
“แล้วพี่เอนกล่ะคะ พี่ก็เป็นแค่หลานห่างๆ ไม่ได้สืบสายเลือดอะไร โดยตรงจากคุณลุงเหมือนกัน”
“แต่ชั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นญาติ ย่อมมีสิทธิ์ในมรดกมากกว่าคนนอกอย่างเธอ”
“แม่คะ หนูว่าอย่าทะเลาะกันเลยค่ะ” ปารมีพูดขึ้น
“ใช่ครับ จะมาทะเลาะกันทำไม ในเมื่อคุณปู่ยังไม่ได้แบ่งอะไรให้ใครเลย” อนุทินว่า
นภามองเอนกอย่างไม่ชอบขี้หน้า พิพัฒน์เดินเข้ามาพอดี
“มากันครบรึยัง”
ปารมีลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ที่หัวโต๊ะให้ปู่พิพัฒน์อย่างเอาใจ
“ขอบใจยัยปา”
พิพัฒน์ลงนั่งแล้วมองด้วยสายตาสำรวจก็ชะงักไป เพราะสมาชิกขาดไปหนึ่งคน พิพัฒน์ถามขึ้น
“อ้าว แล้วยัยเมย์ล่ะ”
มณทกานต์สาววัย 22 แต่งตัวเปรี้ยว เดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ คุณปู่ขา”
มณทกานต์เดินเข้ามาหอมแก้มพิพัฒน์ผู้เป็นปู่ นภามองอย่างหมั่นไส้ ปารมีมองยิ้มเหมือนเอ็นดูกับท่าทางของมณทกานต์
“แกนี่นะ ยัยเมย์ เวลาปู่เรียกประชุมไม่เคยมาก่อนปู่เลย” พิพัฒน์ว่า
“แต่เมย์ก็มาทันไม่ใช่หรือคะ เริ่มประชุมได้เลยค่ะ”
มณทกานต์ลงนั่งข้างอนุทินผู้เป็นพี่ชาย
“ชั้นจะแจ้งให้ทุกคนรู้ว่า ตอนนี้ทนายปรารภได้พบกับภูบดีแล้ว”
สีหน้าของเอนกอึ้งไปพลางเหลือบไปมองหน้าอนุทินซึ่งอึ้งไปแพ้กัน ฝ่ายนภาก็มีอาการเดียวกัน ฝ่ายปารมีชะงักเล็กน้อย มีเพียงมณทกานต์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจ ยินดี ยินร้ายเรื่องที่ภูบดีกลับมา
“ที่คุณปู่เคยบอกว่าเป็นทายาทโดยตรงคนเดียวที่เหลืออยู่น่ะหรือคะ” มณทกานต์พูดขึ้น
“ใช่ และอีกไม่กี่วันนายภูจะย้ายมาอยู่กับเราที่นี่” พิพัฒน์บอก
“แล้วพี่ภูจะอยู่นานแค่ไหนคะ หรือว่าแค่แวะมาเที่ยว” ปารมีถาม
“ปู่จะให้มันย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เลย ถึงเวลาที่ปู่ควรวางมือจากธุรกิจทั้งหมดแล้ว และคนที่จะสานต่อ
ก็คือเจ้าภู”
“แต่ธุรกิจของตระกูลเรา มันไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆนะคะคุณลุง ไม่ใช่ว่าใครจะมาบริหารก็ได้ ตาภู
ร่ำเรียนอะไรมาก็ไม่รู้” นภาว่า
“นั่นสิครับ ผมเองกว่าจะเป็นงานยังต้องเรียนรู้หลายปี อยู่ๆคุณปู่จะให้ใครมาบริหารมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ” อนุทินพูดขึ้น
“ถึงจะยากยังไงนายภูมันต้องทำให้ได้ เพราะมันคือทายาทเพียงคนเดียวของชั้น”
นภาและอนุทินพยายามควบคุมความไม่พอใจ
“เอนก” พิพัฒน์เรียกขึ้น
“ครับ”
“เธอมีหน้าที่คอยสอนงานให้กับภูบดี”
“ครับคุณพ่อ” เอนกรับคำอย่างเสียไม่ได้
“คุณปู่หมดธุระแค่นี้ใช่มั้ยคะ เมย์จะได้ขอตัว” มณทกานต์โพล่งขึ้น
“ยัยเมย์!” เอนกส่งเสียงดุ
“ยังไม่หมด เรื่องสุดท้ายเกี่ยวข้องกับแกโดยตรง ยัยเมย์” พิพัฒน์บอก
“เกี่ยวกับเมย์ ” มณทกานต์ย้ำด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ใช่ ปู่จะให้เจ้าภูแต่งงานกับแก”
“แต่งงาน!”
พิพัฒน์พยักหน้า เอนกกับอนุทินชะงักหันมามองหน้ากันอย่างไม่คาดคิด ฝ่ายนภาอึ้งมองหน้าปารมีที่ฝืนยิ้มอยู่

นภาเดินเข้ามาบ้านส่วนตัวที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกับบ้านวริทธิวรนันท์ด้วยสีหน้าบึงตึงโดยมีปารมีเดินตามอยู่ใกล้ๆ
“คุณปู่ลำเอียง ยัยเมย์มันดีกว่าลูกของแม่ตรงไหน วันๆเอาแต่เที่ยว งานการไม่รู้จักทำ คุณปู่ยังยัดเยียดจะให้มันแต่งกับหลานชาย แบบนี้มรดกไม่มีทางตกถึงมือเราแน่” นภาว่า
“อย่าโมโหไปเลยค่ะแม่ จำไม่ได้หรือคะ หมอบอกไม่ให้แม่เครียดนะ” ปารมีว่า
“ไม่เครียดได้ยังไง มรดกเป็นพันล้าน ถ้าลูกได้แต่งกับนายภู ลูกก็จะสบายไปทั้งชาตินะ”
“ทำไงได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณปู่รักน้องเมย์มากกว่าปา”
นภา เปิดขวดยาแล้วหยิบน้ำดื่มตาม
“แม่ถึงได้บอกไงว่าคุณปู่ลำเอียง ลูกทำงานทั้งวันช่วยดูแลกิจการของครอบครัว แต่คุณปู่กลับมองไม่เห็น”
“ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกับเค้านี่คะแม่ แม่อย่าลืมนนะคะ เราเป็นแค่คนอาศัย คุณปู่ให้ที่อยู่ ที่กิน ให้การศึกษากับลูกมันก็มากพอแล้วค่ะ”
“แต่ลูกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดนะ ลูกก็เหมือนลูกหลานแท้ๆ ยังไง แม่ก็จะไม่ยอมให้มรดกของคุณปู่ตกเป็นของคนอื่นหรอก”
นภาเปิดขวดยาเทใส่กำมือ
“แม่จะกินยาอีกแล้วหรือคะ”
“ถ้าแม่ไม่กินแม่ก็ต้องปวดหัวตาย อย่าห้ามแม่เลยนะ”
นภาเอายาเข้าปากแล้วยกน้ำดื่มตาม ปารมีได้แต่มองแล้วถอนหายใจ

ภายในบ้านเอนกที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกับบ้านพิพัฒน์ในเวลาเดียวกัน อนุทินกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณปู่ไม่ยุติธรรมเลย ถ้าไม่มีพ่อกับผม บริษัทในเครือวรารมย์จะใหญ่โตได้ขนาดนี้เหรอ”
“ฝีมือพ่อคนเดียวที่ไหนล่ะ แกอย่าลืมคุณลุงภาคินสิ” เอนกบอก
“แต่คุณลุงก็ตายไปแล้ว พ่อควรได้เป็นซีอีโอแทน ไม่ใช่ให้ไอ้ภูบดีเข้ามาชุบมือเปิบแบบนี้”
“อย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะ ถึงยังไงบริษัทนี้มันก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี ถ้าคุณปู่จะยกให้ทายาท
โดยสายเลือดก็ไม่ใช่เรื่องผิด”
“แต่มันน่าเจ็บใจนะพ่อ ถึงพ่อจะเป็นหลานห่าง ๆก็จริง แต่พ่อก็ช่วยสร้างบริษัทนี้มากับมือ”
มณทกานต์แต่งตัวสวยลงมาจากบนบ้าน อนุทินมองน้องสาวอย่างไม่พอใจ
“อ้าว ยัยเมย์นี่จะออกไปเที่ยวไหนอีก”
“เรื่องของเมย์ ไม่เกี่ยวกับพี่เอ .. พ่อคะ พ่อต้องบอกคุณปู่นะว่าเมย์ไม่แต่งงานกับคนที่เมย์ไม่ได้รัก”
“แกก็รู้ว่าไม่มีใครขัดใจคุณปู่ได้ ถ้าคุณปู่จะให้แต่งแกก็ต้องแต่ง” เอนกบอก
“แต่เมย์ไม่แต่ง”
“นี่ ชั้นว่าแกควรจะขอบคุณคุณปู่มากกว่านะที่หาผู้ชายรวยๆให้แก เพราะถ้าแกหาเองเนี่ยรับรองได้แกต้องไปคว้าไอ้จิ้งจกที่ไหนมาแน่” อนุทินว่า
“พี่เอจะดูถูกเมย์มากเกินไปแล้วนะ”
“ก็หรือไม่จริง วันๆแกเอาแต่เที่ยว ไม่คิดจะเรียนให้จบ ผู้ชายดีๆที่ไหนจะเอาแกเป็นเมีย”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พอได้แล้ว แกสองคนเป็นพี่น้องกันนะ จะมาทะเลาะกันทำไม” เอนกปราม
“ผมพูดเรื่องจริงนี่พ่อ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าเมย์บอกว่าไม่แต่งใครก็บังคับเมย์ไม่ได้”
มณทกานต์กระแทกเท้าเดินออกจากบ้านไป
“ไอ้ลูกคนนี้นี่ ทำไมมันเป็นคนแบบนี้นะ”
“ก็พ่อน่ะสิ ตามใจมันซะจนเคยตัว สปอยจนมันไม่กลัวใคร”
เอนกถอนหายใจกับเรื่องราวที่แสนจะปวดหัว
บริเวณทางเดินภายในบ้านวริทธิวรนันท์ในเวลาต่อมา บุญทันเดินคุยมากับต้นหอม
“บนตึกใหญ่ก็มีแค่คุณท่านอยู่คนเดียว ส่วนเรือนเล็กด้านหลังก็เป็นบ้านของคุณนภา กับคุณปารมีลูกสาว” ต้นหอมบอก
“แล้วคุณนภาเค้าเป็นอะไรกับคุณท่านหรือ” บุญทันถาม
“คุณนภาแกเป็นลูกบุญธรรมของน้องชายท่าน พอน้องชายท่านตายท่านก็เลยรับอุปการะเลี้ยงดูแกกับคุณปา”
“แล้วพี่เห็นบ้านอีกหลังนึงด้านนู้น บ้านใคร”
“อ๋อ บ้านของคุณเอนกจ้ะ คุณเอนกเป็นลูกชายลูกพี่ลูกน้องคุณท่าน พ่อแม่ตายแต่เด็ก คุณท่านก็เลยรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม”
ขณะนั้น มณทกานต์ขับรถเลี้ยวมาอย่างรวดเร็ว บุญทันหันไปมองอย่างตกใจแล้วร้อง
“เฮ้ย”
บุญทันกระชากต้นหอมหลบ มณทกานต์เบรกรถเอี๊ยด!พอดี บุญทันยืนส่งสายตาแสดงความโกรธอยู่ มณทกานต์เปิดประตูลงจากรถทันที
“เดินประสาอะไรเนี่ย ไม่เห็นหรือว่ารถวิ่งมา”
“คุณต่างหากที่ขับรถประสาอะไร ถ้าเบรกไม่ทันคุณชนเราสองคนแล้วนะ”
“นี่แกเป็นใครเนี่ย ถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับชั้น”
“ผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่ผมว่าคุณไม่ควรขับรถแบบนี้โดยเฉพาะในเขตบ้าน”
“เอ่อ พี่บุญทัน” ต้นหอมพยายามเตือนบุญทัน
“พูดแบบนี้แสดงว่าแกไม่รู้จักชั้น ชั้นเป็นเจ้าของบ้าน”
บุญทันยิ้มเยาะแล้วบอก
“แน่ใจหรือครับ เพราะเท่าที่ผมรู้เจ้าของบ้านคือคุณพิพัฒน์”
“แกนี่มันปากดีจริง ๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ วันนี้ชั้นรีบหรอกนะ”
มณทกานต์เดินไปขึ้นรถแล้วปิดประตูดังปัง บุญทันยังยืนขวางรถอยู่จนมณทกานต์ต้องบีบแตรไล่ บุญทันขยับถอยหลัง มณทกานต์บึ่งรถออกจนเกือบจะเฉี่ยวบุญทัน
“แล้วคนนี้ใคร” บุญทันถามต้นหอมอีก
“คุณเมย์จ้ะ ลูกสาวคุณเอนก เฮี้ยวที่สุดในบ้าน”
บุญทันมองตามรถที่มณทกานต์ขับออกไป

ในเวลาต่อมา รถเบนซ์เคลื่อนมาจอดรอหน้าตึก บุญทันเปิดประตูลงจากรถมายืนรอ พิพัฒน์เดินลงมาจากตึก บุญทันมองไปยังพิพัฒน์ที่กำลังเดินลงมาด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วยกมือไหว้

“สวัสดีครับท่าน”
พิพัฒน์มองหน้าบุญทันแล้วชะงักไปเล็กน้อยเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกไม่ถูก พิพัฒน์ยิ้มทักทาย
“คนขับรถคนใหม่หรือ”
“ครับผม”
“ชื่ออะไร”
“บุญทันครับท่าน”
พิพัฒน์พยักหน้ารับรู้ บุญทันเปิดประตูรออยู่ พิพัฒน์เดินไปนั่งในรถ บุญทันปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปนั่งตรงรถขับแล้วรถขับออกจากบ้านวริทธิวรนันท์ทันที

บุญทันขับรถพลางเหลือบมองกระจกหลังเห็นพิพัฒน์มองจ้องอยู่ บุญทันหลบตาทันที
“แกเป็นคนจังหวัดอะไรบุญทัน”
“เพชรบุรีครับ”
“ก่อนมาขับรถให้ชั้น แกทำอะไรมา”
“ที่บ้านผมมีสวนน่ะครับ”
“มีสวนเป็นของตัวเองก็ดีแล้วนี่ คิดยังไงถึงมารับจ้างขับรถ”
“อ๋อ ผมมีพี่น้องหลายคนน่ะครับ”
พิพัฒน์พยักหน้ารับรู้
“แปลกนะทำไมชั้นรู้สึกคุ้นๆกับแกเหลือเกิน”
บุญทันได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป
“แกไม่เคยรู้จักชั้นมาก่อนใช่มั้ย”
“ไม่เคยครับท่าน”
“เดี๋ยวแยกหน้าแกเลี้ยวขวานะ ชั้นจะไปสนามกอล์ฟ”
“ครับ”
บุญทันลอบถอนใจที่พิพัฒน์ไม่สงสัยอะไร บุญทันขับรถเลี้ยวเข้าไปในสยามกอล์ฟตามคำสั่งทันที

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทประพันธ์ : อรพิม
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทโทรทัศน์ : วิลักษณา
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก กำกับการแสดง : คฑาเทพ ไทยวานิช
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ผลิตโดย : ยุวดี ไทยหิรัญ บริษัทยูม่า 99 จำกัด
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก นำแสดงโดย : เข็มอัปสร สิริสุขะ,วรินทร ปัญหกาญจน์,วรฤทธิ์ ไวยเจียรนันท์,เซลิน่า เพียซ ฯลฯ
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ช่อง 3
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ออกอากาศ ต่อจากละคร ขุนศึก
ที่มา manager.co.th