อ่านนิยายรายวันเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 3
นอกจากอาทิจจะช่วยงานคุณย่าและทำสวนผักของตัวเองแล้ว เขายังตักเตือนติติงพวกต๊อด พัน อึ่ง ที่คึกคะนองลากเขาไปถ้ำมองหนังสด ว่าไม่ละอายใจบ้างหรือ ขู่ว่าถ้ายังขืนทำแบบนี้อีกจะบอกคุณย่าให้ตัดเงินเดือนดรุณียังคงถูกคุณย่าใช้จนกลายเป็นหน้าที่ที่จะต้องไปตามอาทิจมากินข้าวหรือไม่ก็ต้องเอาปิ่นโตไปส่งอาทิจที่สวน วันนี้ก็อีกแล้ว ดรุณีต้องเดินไปส่งปิ่นโตเพราะจักรยานยังซ่อมไม่เสร็จ ขากลับก็เดินบ่นกระปอดกระแปด ครู่เดียวก็เจอต๊อดโผล่มาบอกว่าจักรยานซ่อมเสร็จแล้ว เพื่อตอบแทนน้ำใจที่ต๊อดซ่อมจักรยานให้ ดรุณีถามว่าจะไปไหนเดี๋ยวตนจะไปส่ง
ต๊อดรีบบอกว่าพูดแล้วห้ามคืนคำ พลันก็หันป้องปากเรียกอาทิจออกมา พออาทิจออกมาต๊อดบอกว่าอาทิจ เป็นคนซ่อมจักรยานให้ แล้วทั้งสองก็ช่วยกันย้ำคำพูดของดรุณีให้เธอทำตามที่พูด จนดรุณีต้องยอม แต่มีข้อแม้ว่า
“ฉันยอมให้นายไปด้วยก็ได้ แต่นายต้องไปถีบให้ฉันนั่ง ได้ยินไหมมม!!!”
อาทิจยอมตามเงื่อนไขเกเรของเธอ พอเริ่มขี่รถออกไป อาทิจบอกให้เธอกอดเอวเขาไว้แน่นๆเป็นตายอย่างไรดรุณีก็ไม่ยอมกอด จนกระทั่งอาทิจขี่จักรยานลงเนิน จักรยานพุ่งลงมาพาร่างดรุณีเทไปแนบสนิทกับแผ่นหลังของอาทิจทำท่าจะล้มจนเธอต้องกอดเขาไว้แน่น แต่พอรู้ตัวก็รีบปล่อยเปลี่ยนเป็นยึดรถไว้แน่น
อาทิจเห็นทั้งขำทั้งเอือมความรั้น เซี้ยว เฮี้ยว แก่นของเธอ แต่พอไปถึงบ้านน้าแก้วเห็นถึงกับชมว่า น่ารักจริงๆพี่ขี่น้องซ้อน
แต่พอมาถึงดรุณีก็ขอไปอาบน้ำก่อนบ่นว่าเหม็นเหงื่อคันคะเยอไปหมดแล้ว คุณย่าถามว่าแพ้เหงื่อตัวเองรึเปล่า หรือเหงื่อใคร ดรุณีไม่ตอบเดินปึงปังไปอาบน้ำจนคุณย่าส่ายหน้าบ่น “เออ...ดูทำเข้า...ผีเข้าผีออกจริงแม่คนนี้”
อาบน้ำเสร็จออกมาทานข้าว ทั้งอาทิจและดรุณี ต่างดูแลคุณย่ากันท่ากัน แย่งกันตักโน่นนี่นั่นให้คุณย่า จนพูนจาน น้าแก้วทนไม่ไหวบอกว่า คุณย่าไม่ใช่พระป่าจะได้รับประทานทุกอย่างรวมอยู่ในจานเดียวกันแบบนี้ ทั้งสองเลยยิ้มกันแหยๆ
วันนี้ อาทิจบอกคุณย่าว่าต่อไปมื้อเช้ามื้อกลางวันตนอาจจะไม่ได้มาทานกับคุณย่าเพราะจะอยู่ที่แปลงผัก คุณย่าก็ยังมีแก่ใจจะให้ดรุณีไปเอาปิ่นโตไปส่ง อาทิจเกรงใจบอกว่าดรุณีใกล้สอบแล้วให้ใช้เวลาไปดูหนังสือดีกว่า ตอนเย็นถ้าไม่ติดงานก็จะมาทานข้าวกับคุณย่าเหมือนเดิม พลางยกมือไหว้ลาคุณย่า
“ไปเถอะจ้ะ บุญรักษานะพ่อนะ” คุณย่าเอามือแตะบ่าอาทิจอย่างเอ็นดู
พออาทิจออกไปก็เป็นเรื่องทันที ดรุณีหาว่าเขาเจ้ากี้เจ้าการมาบงการชีวิตตน ตนรู้หน้าที่ของตัวเองดีว่าต้องสอบติดให้ได้ และสักวันจะเป็นด็อกเตอร์ให้เห็นเป็นบุญตาด้วยคอยดู!!
“เยอะไปไหมแม่ณี ย่ายังไม่เห็นพ่ออาทิจเขาจะบงการอะไรเราเลย คิดเรื่อยเปื่อยไปได้”
พอถูกคุณย่าเบรก ดรุณีก็พรั่งพรูความน้อยอกน้อยใจออกมาว่า อะไรๆตนก็สู้หลานคนโปรดของคุณย่าไม่ได้ ใครๆก็พูดถึงแต่เขา ดรุณีพูดไม่ทันขาดคำ เวทางค์ กับวิยะดาก็พากันเข้ามาสวัสดีคุณย่าแล้ววิยะดาก็ถามถึงอาทิจทันที
“เห็นไหมล่ะ” ดรุณีพูดงอนๆแต่ในใจนั้นตะโกนลั่นว่า “เซ็งชะมัด!!”
ooooooo
ทองประศรียังมุ่งมั่นที่จะเอาหลานคุณย่ามาเป็นผัวให้ได้ วันนี้ก็ให้ตุ๊แอบพาไปหมายได้เจออาทิจอีก เลยถูกตุ๊หลอกเซ็นข้าวสารไปเป็นเสบียงอีกสองถุงสบายๆ
แต่ครั้งนี้ก็ผิดหวังอีกตามเคย ไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าอาทิจเพราะเขากำลังทำงานถูกกลุ่มคนงานบังไปบังมา จนกระทั่งคุณย่าพาดรุณี วิยะดา และเวทางค์มา ตุ๊เลยรีบพาทองประศรีหลบออกไป เพราะถ้าคุณย่าเห็นต่อไปจะไม่มีทางเข้ามาได้อีกเลย
เมื่อคุณย่ามาถึงโดยมีเวทางค์ประคองข้างหนึ่งและดรุณีประคองอีกข้างหนึ่ง ส่วนวิยะดามาถึงก็รี่เข้าไปเกาะแขนอาทิจทันที เมื่อพากันไปนั่งที่มุมสวยในสวน คุณย่าถามถึงเป้าหมายหลังเรียนจบของแต่ละคน เวทางค์ ต้องการเป็นผู้ว่าฯเหมือนพ่อ วิยะดาอยากเป็นแอร์โฮสเตสเพราะอยากท่องโลกกว้างและช็อปถึงแหล่งผลิตเลย
พอถามอาทิจกับดรุณี ทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากเป็นเหมือนคุณย่า”
คุณย่าไม่ติติงใครเพราะขอแต่เราทำงานให้ดีที่สุด ไม่เบียดเบียนใคร ทำอย่างสุดกำลังด้วยความรัก ก็เชื่อได้ว่า ทุกคนจะเติบโตเป็นกำลังของประเทศชาติได้อย่างงดงาม ไม่จำเป็นต้องมาเป็นชาวไร่ชาวสวนกันหมดหรอก
แล้วจู่ๆเวทางค์ก็เกิดเปลี่ยนใจอยากเป็นอย่างดรุณีขึ้นมา และวิยะดาก็อยากเป็นอย่างอาทิจ คุณย่าเลยบอกว่า งั้นก็ลองดูแล้วหันมองอาทิจ ทำเอาชายหนุ่มงงว่าเกี่ยวอะไรกับตนด้วยเหรอ??
ที่แท้คุณย่าให้อาทิจพาทั้ง 3 คนไปสาธิตวิธีเพาะกล้าผักและการหมักปุ๋ย ใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง
เวทางค์ฟังอาทิจบรรยายการเพาะพันธุ์ผักขั้นตอนต่างๆ แล้วบอกว่าสบายมาก ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก แต่พอไปดูถังหมักปุ๋ย เวทางค์ทะเล่อทะล่าเปิดฝาชะโงกลงไปดู สูดกลิ่นปุ๋ยหมักเข้าไปเต็มๆจนต้องวิ่งไปอ้วกแทบตาย ทั้งเวทางค์และวิยะดาเกือบถอดใจกับด่านหมักปุ๋ยชีวภาพนี้
ooooooo
ระหว่างที่ทองประศรีเดินตุปัดตุเป๋กลับด้วยความผิดหวังนั้น เจอทองใบพ่อค้าเร่วัย 35 ที่ทำทีจอดรถถามทาง พอทองประศรีบอกทางไปบ้าน ทองใบเรียกทองประศรีว่า “คุณผู้หญิง” ถามว่าจะไปทางไหน พอรู้ว่าจะไปบ้านนั้นก็ชวนขึ้นรถไปด้วยกัน ระหว่างนั้นก็ใช้สายตาโลมเลียอย่างหื่นจัด นึกในใจ “เสร็จกูแน่”
พอไปถึงบ้าน คำมาผู้เป็นแม่มองทองใบแล้วถามทองประศรีว่า “ผัวเอ็งรึนังศรี” ทองประศรีบอกว่าเจอกันกลางทาง เขาจะมาทางนี้เลยมาด้วย สิงห์ทองผู้เป็นพ่อเดินเมาแอ๋เข้ามาถามว่า แล้วตัวเธอเองไปไหนมา ทองประศรีตอบโพล่งไปว่า
“ก็ไปหาผัวไงจ๊ะพ่อ แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องกลัวนะ คนอย่างฉันไม่ใฝ่ตํ่าไปมองไอ้พวกขี้เหล้า เศรษฐีธรรมดาก็ไม่เอา ระดับฉันต้องหลานคุณย่าเท่านั้น”
แต่พอตกกลางคืน ทองประศรีก็ไปหาทองใบที่แอบนัดพบกันที่นํ้าตกและก็ได้ผัวระดับพ่อค้าเร่จอมกะล่อนคืนนั้นเลย
ooooooo
เวทางค์กับวิยะดาพยายามกล้ำกลืนเพื่อเกาะติดคุณย่าตามแผนของวิไลลักษณ์ เวทางค์อวดรู้ในเรื่องการเกษตรทั้งที่ไม่รู้จริงจนถูกวิยะดาขัดคอบ่อยๆ และยิ่งอวดรู้ก็ยิ่งเผยความไม่รู้ จนทั้งอาทิจ คุณย่า และดรุณีพากันมองเขาขำๆ
แต่พอวิไลลักษณ์มารับกลับบ้าน ทั้งสองก็เข็ดขยาดที่จะมาที่ไร่คุณย่าอีก วิไลลักษณ์ต้องติดสินบนเวทางค์ว่าจะซื้อไอแพดให้ ส่วนวิยะดาก็จะซื้อบีบีรุ่นล่าสุดให้ ต่อรองกันจนวินาทีสุดท้าย วิไลลักษณ์ก็ต้องยอมตามเงื่อนไขของลูก
“ติดสินบนลูกอีกแล้วนะคุณ” ประเวทย์ติติง
“ก็แล้วแต่จะเรียกสิคะ ค่าจ้าง ของแลกเปลี่ยน หรือสินบน ยังไงน้องก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของเราได้เป็นหลานเบอร์หนึ่งของคุณแม่ให้ได้”
วิไลลักษณ์พูดอย่างมั่นใจในเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงของตน ส่วนประเวทย์ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ooooooo
อาทิจขอคนงานมาช่วยที่แปลงผัก 4-5 คน เขาพยายามที่จะเร่งงานให้เสร็จ ซึ่งทุกคนก็ร่วมมือด้วยดี แต่เป็นที่เขม่นของไพฑูร คอยมาพูดยุแหย่ว่า รักนายกันจริง ไม่รู้ว่างานเสร็จแล้วนายจะเลี้ยงอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
อาทิจบอกว่าเลี้ยงแน่ ทำเอาทุกคนหูผึ่งถามว่า
จริงรึเปล่า ต๊อดเสนอว่าเอาแบบมีกรึ๊บด้วย พันเสนอว่าเหล้ายานายหาส่วนปลาปิ้งพันจะจัดเอง
“แต่งานต้องเสร็จเย็นนี้” อาทิจมีข้อแม้ ทุกคนรับรองแข็งขัน ต๊อดเร่งให้เร็วเข้า ตนเปรี้ยวปากเต็มทีแล้ว ทุกคนเลยเร่งมือกันอย่างคึกคัก
“คุณอาทิจจะซื้อเหล้าเลี้ยงพวกเราจริงๆหรือครับ” เกร็งยังไม่วางใจนัก
“ไม่ซื้อ แต่จะต้มเองกับมือเลยครับ”
ไพฑูรได้ยินเต็มสองหู ตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ขึ้นมา เขาเลี่ยงไปเล่าให้ดรุณีฟังหมายยืมมือดรุณีเล่นงานอาทิจ เพราะดรุณีรู้ดีว่าคุณย่าเกลียดพวกต้มเหล้าเถื่อนถึงขนาดไล่ออกเลยทีเดียว
ไพฑูรทำทีห้ามดรุณีว่าอย่าให้รู้ถึงหูคุณย่าเลย เพราะถ้าอาทิจรู้ว่าตนมาบอกเธอ ก็จะพาลเกลียดหน้าตนไปด้วย
“เอาเถอะน่าพี่ฑูร ณีไม่บอกหรอก รับรอง” แต่พอลับหลังไพฑูรก็พึมพำอย่างสะใจ “สนุกแน่...นายอาทิจ!!”
ส่วนไพฑูรเล่าให้ดรุณีฟังแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เสี้ยมให้ย่ากับหลานผิดใจกันได้
ooooooo
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 3
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุลที่มา ไทยรัฐออนไลน์