หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6

เช้าวันใหม่ปารมีนั่งกินกาแฟอยู่ในบ้าน นภาเดินเข้ามาหา
“อ้าว ยัยปาทำไมไม่ทานอาหารเช้าบนตึกใหญ่กับคุณปู่ล่ะลูก”
“ปาไม่อยากเจอหน้ายัยเมย์ มันชอบพูดจาหาเรื่องปาอยู่เรื่อย”
“อย่าไปสนใจเลยลูก นังเด็กนั่นมันคงอิจฉาที่ลูกของแม่เรียนก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ส่วนตัวมันไม่มีสาระอะไรนอกจากเที่ยวไปวันๆ”
“ก็เพราะปาไม่อยากสนใจน่ะสิคะ ปาถึงเลี่ยงไม่อยากเจอหน้ามัน”

“แต่ลูกจะเลี่ยงแบบนี้ไม่ได้นะเพราะแม่อยากให้ลูกเข้าไปใกล้ชิดคุณปู่ เผื่อบางทีท่านเห็นลูกท่านอาจจะเปลี่ยนใจอยากให้ลูกแต่งงานกับนายภูบดีแทน”



“ปาว่าคงยากค่ะเพราะคุณปู่ประกาศไปแล้วนี่คะว่าจะให้ยัยเมย์แต่งกับหลานชาย”
“อย่าเพิ่งท้อสิลูก ลูกลืมไปแล้วหรือว่านายภูบดียังไม่เคยเจอยัยเมย์เลยนะ แม่เชื่อว่าถ้านายภูเจอแม่นั่นกับลูกของแม่ รับรองนายภูต้องเลือกลูกมากกว่านังเด็กนั่นร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แม่คิดอย่างงั้นหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ลูกแม่ทั้งสวยอ่อนหวาน น่ารักเป็นกุลสตรีผิดกับนังเด็กนั่นที่ก้าวร้าวยังกะเด็กเหลือขอ จำไว้นะลูก ถ้านายภูบดีมาลูกต้องใช้จริตใช้เสน่ห์ทุกอย่างเข้าไปผูกมัดใจให้ได้”
“ค่ะแม่ ลูกจะลองดู”
“ไปจ้ะ แม่ว่าเราไปทานข้าวบนตึกใหญ่กับคุณปู่กันดีกว่า”
“ค่ะ”
ปารมีลุกเดินตามนภาออกไป

บนตึกใหญ่ของบ้านวริทธิวรนันท์ พิพัฒน์นั่งกินอาหารเช้า อยู่กับเอนก นภาและปารมี
“แล้วนี่ตำรวจว่าไงบ้างครับได้ตัวคนร้ายที่ลอบยิงคุณพ่อรึยัง” เอนกถามขึ้น
“เค้ากำลังสืบอยู่”
“แล้วคุณปู่สงสัยใครบ้างมั้ยคะ” ปารมีถามต่อ
“ไม่รู้จะสงสัยใคร ปู่แก่ป่านนี้แล้วมันก็คงมีคนอยากให้ตายบ้าง”
“คุณลุง ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ ถึงยังไงคุณลุงก็ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้ลูกๆหลานๆนะคะ” นภาว่า
มณทกานต์เดินเข้ามาพอดี
“คุณปู่ขา เมย์เพิ่งรู้ข่าวว่ามีคนจะฆ่าคุณปู่ คุณปู่เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“แกมัวไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่มาถามตอนงานศพปู่ซะเลย” พิพัฒน์ว่า
สาวใช้รินกาแฟให้มณทกานต์
“เมย์ก็ยุ่งๆน่ะค่ะ ช่วงนี้กำลังคิดจะหางานทำ”
“ก็ดีนะลูก ถ้าอยากทำงานก็ไปเริ่มที่บริษัทของเราก่อน” เอนกว่า
“นั่นสิ เข้ามาฝึกงานก่อน” พิพัฒน์เห็นด้วย
“แต่ป้าว่าหนูเมย์ควรจะรีบเรียนให้จบก่อนนะ เรียนมหาวิทยาลัยมาตั้งห้าหกปีไม่จบซะที จะไปทำงานอะไรมันก็ลำบากนะ” นภาพูดเหมือนหวังดี แต่เอาสอดไส้แขวะ
“ใช่ค่ะ ปาว่าน้องเมย์ฮึดเรียนอีกซักนิด ปีเดียวก็น่าจะจบได้” ปารมีบอก
“ใครถามความเห็นคุณสองคนแม่ลูกไม่ทราบ” มณทกานต์พูดแบบไม่ไว้หน้า
นภากับปารมีชะงักทันที
“ยัยเมย์ ป้านภากับพี่ปาเค้าก็พูดเพราะหวังดี” พิพัฒน์บอก
“แต่เมย์ไม่ต้องการความหวังดีจากใคร”
“แกนี่มันดื้อจริงๆ เอาล่ะ ถ้าอยากจะทำงานก็ไปฝึกที่บริษัทอย่างที่พ่อแกเค้าว่า” พิพัฒน์สรุป
“แต่เมย์ไม่อยากทำงานที่บริษัทคุณปู่ เดี๋ยวคนอื่นก็มาเม้าอีกว่าเมย์ได้งานเพราะเส้นใหญ่”
“แต่ยังไงแกก็ต้องไปทำ เพราะถ้าแกแต่งงานกับเจ้าภูบดี แกก็ต้องเป็นคนช่วยกันดูแลมรดกทุกอย่าง เข้าใจรึเปล่า” พิพัฒน์บอก
“คุณปู่พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้วค่ะ เมย์จะบอกว่าเมย์ไม่แต่งงานกับพี่ภูนะคะเพราะเมย์ไม่ได้รักพี่ภู”
“ยัยเมย์พูดอะไร” เอนกพูดเตือน
“เมย์ต้องพูดค่ะเพราะเมย์จะแต่งงานกับคนที่เมย์รักเท่านั้น”
“แล้วแกมีคนรักแล้วหรือ” พิพัฒน์ถาม
“ยังค่ะ แต่ไม่นานเมย์ก็ต้องเจอคนที่เค้ารักเมย์ เมย์จะมาบอกคุณปู่แค่เรื่องนี้แหละค่ะ ขอตัวนะคะ”

มณทกานต์เดินออกไปทันที
“ผมขอโทษด้วยนะครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจะจัดการยัยเมย์เอง” เอนกบอก
“ช่างมันเถอะ ถ้ามันไม่อยากแต่งชั้นก็ไม่บังคับ”
“นั่นสิคะ ภาเห็นด้วย ถ้ายัยเมย์ไม่อยากแต่งก็อย่าไปบังคับเลยค่ะ คนไม่รักกัน แต่งกันไปเดี๋ยวก็จะมีปัญหา”
“แล้วเราล่ะยัยปา ถ้าปู่จะให้แต่งกับเจ้าภูบดีเราจะยอมมั้ย” พิพัฒน์ถามขึ้น
ปารมีเก็บความรู้สึกดีใจไว้ไม่แสดงออก
“ปายังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณปู่ เพราะ คุณปู่มีพระคุณกับปาและแม่ ไม่ว่าคุณปู่จะให้ปาทำอะไรปาก็ยินดีค่ะ”
พิพัฒน์ยิ้มพอใจ
“งั้นก็ดี ถ้านายภูมาแล้วยัยเมย์มันยังยืนกรานไม่แต่ง ปู่จะให้แกแต่งกับนายภูแทน”
ปารมียกมือไหว้
“ขอบพระคุณค่ะคุณปู่”
ปารมีหันมองหน้าแม่ นภายิ้มพยักหน้าดีใจ เอนกนั่งมองอย่างหมั่นไส้

ที่หน้าบ้านตึกใหญ่ มณทกานต์เดินออกมาเจอบุญทันที่เอารถมาจอดรอพิพัฒน์อยู่
“สวัสดีครับคุณเมย์” บุญทันทักทาย
มณทกานต์เดินทำคอแข็งเชิดไปอย่างไม่ทันระวังเท้าเลยก้าวพลาดเหยียบหิน เท้าพลิกล้มลง
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” บุญทันถาม
“ไม่ต้องยุ่งกับชั้น”
มณทกานต์ขยับจะลุกเดิน แต่ลุกไม่ได้ร้อง “โอ๊ย”
“เส้นพลิกรึเปล่าครับ” บุญทันถาม
มณทกานต์ไม่ตอบแต่พยายามลุกอีกครั้ง แต่ขาเจ็บมาก บุญทันมองอาการแล้วคิดว่ามณทกานต์ไม่น่าจะเดินไหวจึงเดินเข้าไปช้อนตัวอุ้ม
“มาครับ ผมอุ้มไปส่งบ้านดีกว่า”
“ไอ้บ้า ปล่อยชั้นนะ”
บุญทันอุ้มมณทกานต์แล้วบอก
“ผมไม่อยากจะแตะตัวคุณหรอกนะครับ แต่คุณเดินไม่ไหวจะให้ผมทิ้งคุณไว้ตรงนี้หรือ”
“ใช่ ทิ้งชั้นไว้ตรงนี้ไม่ต้องยุ่งกับชั้น”
“ก็ได้ครับ”
บุญทันทำท่าจะโยนมณทกานต์ทิ้งลงกับพื้นจนต้องโอบล็อกคอบุญทันแน่นแล้วหวีดร้องเสียงดัง
“ว้าย อย่า”
“เอาไงครับ จะให้ผมทิ้งหรือจะให้ผมอุ้ม”
บุญทันมองจ้องหน้า มณทกานต์มองด้วยสายตาโกรธ
“เออ อุ้มก็ได้”
บุญทันยิ้มอุ้มมณทกานต์เดินออกไปตามทางเดิน มณทกานต์มองบุญทันที่ทำหน้านิ่งเก็บความรู้สึก ไม่สนใจ เป็นจังหวะที่อนุทินเดินเลี้ยวออกมาเห็นพอดี
“เฮ้ย นั่นแกทำอะไรน้องสาวชั้น”
“เปล่าครับ คุณเมย์แกหกล้มเท้าพลิกเดินไม่ได้ ผมก็เลยอุ้มมาส่ง”
“นี่ ยัยเมย์ ถ้าแกจะทำสำออยกับใครชั้นไม่ว่านะ แต่ไอ้นี่มันเป็นคนขับรถในบ้าน แกควรจะเลือกบ้างนะไม่ใช่มั่วกับคนไปทั่ว”
“พี่เอขาชั้นเจ็บ ชั้นเดินไม่ได้จริง ๆนะ”
“แกคิดว่าชั้นเชื่อแกงั้นหรือ นี่ถ้าคุณปู่รู้ว่าแกมั่วไม่เลือกแบบนี้รับรองแกไม่ได้เป็นหลานสะใภ้แน่”
“ผมว่าคุณเอพูดรุนแรงไปนะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับแก แกวางน้องสาวชั้นลงแล้วไปไกลๆเลย”
บุญทันมองหน้ามณทกานต์ราวกับรอคำตอบ
“ไม่ต้อง อุ้มชั้นไปส่งถึงห้องนอนเลย”
“ยัยเมย์”
“ก็พี่อยากให้ชั้นมั่วกับคนขับรถไม่ใช่หรือ ชั้นจะมั่วให้ดูไง...ไป”
บุญทันจำใจอุ้มมณทกานต์เดินเข้าบ้านไป อนุทินมองตามด้วยความโกรธ
“ยัยเมย์นี่มันชักจะเอาใหญ่แล้ว”

บุญทันอุ้มมณทกานต์เข้ามาวางบนเก้าอี้แล้วบอก
“เดี๋ยวผมจะไปตามต้นหอมให้มาช่วยดูคุณนะครับ”
มณทกานต์น้ำตาไหลพราก บุญทันตกใจ
“นี่ คุณเมย์ร้องไห้ทำไมครับ”
มณทกานต์รีบเช็ดน้ำตา
“ชั้นไม่ได้ร้อง นายไปได้แล้ว”
บุญทันเดินออกไปหยุดที่หน้าประตูแล้วหันกลับมามองด้วยสายตาเป็นห่วง
“มองอะไร ชั้นบอกให้ออกไปไง”
“เอ่อ ครับ”
บุญทันเดินออกจากห้องไป เมื่อมณทกานต์นึกย้อนถึงคำพูดของอนุทิน ผู้เป็นพี่ชายก็ให้รู้สึกเสียใจ เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรก

“วันๆแกเอาแต่เที่ยว เรียนหนังสือก็ไม่จบ ซักวันจะท้องไม่มีพ่อ”
“ทำไมพี่เอว่าเมย์แบบนี้”
“ก็หรือไม่จริง แกมันไม่ได้เรื่องซักอย่าง ทำไมไม่เอาอย่างปารมีเค้าบ้าง เค้าเรียนหนังสือก็เก่ง แถมยังขยันทำงานดีกว่าแกไม่รู้กี่พันเท่า”
“ใช่ พ่อว่าแกน่าจะตั้งใจเรียนให้เก่งเหมือนปารมี พ่อจะได้ไม่อายคนอื่นเค้า” เอนกว่า
….............................
มณทกานต์นึกแล้วก็โกรธหยิบของเขวี้ยงออกไป
“ใช่สิ เรามันไม่มีอะไรดีนี่ไม่เหมือนนังปารมี”

ทางด้านโรงพยาบาล ธาวินค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ หันมองดูรอบๆด้วยความงุนงง ก่อนจะไปสะดุดสายตาที่ญาดาซึ่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ
“คุณ.. คุณ”
ญาดารู้สึกตัว งัวเงียตื่นลืมตาเห็นห้องสว่างก็ตกใจ
“หา... เช้าแล้วเหรอ ตายแล้วเรา เผลอหลับไปได้”
ญาดาจะขยับลุกจะไป แต่เหลือบเห็นธาวินนอนลืมตาอยู่ ญาดาชะงักไปทันที
“นี่นายฟื้นแล้วหรือ”
“ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลไง เมื่อคืนนายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ความผิดของชั้นนะ ที่จริงนายนั่นแหละผิดที่ให้ฉันไปขโมยแหวนจากในบ่อน”
ธาวินมองญาดาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าญาดาพูดเรื่องอะไร
“แล้วชั้นก็เป็นคนพานายมาส่งโรงพยาบาล ถือว่าชั้นไถ่โทษแล้วนะ เราหายกัน”
ธาวินมองญาดาอย่างคนแปลกหน้า
“คุณเป็นใคร”
“นายจำชั้นไม่ได้เหรอ”
หมอกับปรารภเปิดประตูเข้ามาพอดี ญาดาชะงักไป
“สวัสดีครับคุณตาลได้หลับมั้ยครับ” ปรารภทักทาย
“เอ่อ ค่ะ”
“นี่คนไข้ฟื้นแล้วหรือครับ” หมอถาม
“ค่ะ คุณภูฟื้นเมื่อกี้นี้เอง”
หมอถามภูบดี
“ เป็นยังไงบ้างครับ มึนหัวมั้ยครับ”
“ครับ”
“ขอผมตรวจหน่อยนะครับ”
หมอส่องไฟฉายที่ตาของธาวิน
“นอกจากมึนหัวแล้วคุณภูรู้สึกคลื่นไส้หรืออยากอาเจียนมั้ยครับ”
ธาวินส่ายหน้า หมอยกนิ้วขึ้นถาม
“ไหนบอกหมอซิครับว่านี่กี่นิ้ว”
ธาวินได้แต่มองหน้าหมอไม่ตอบ และมองหน้าญาดากับปรารภอย่างงงๆ
“คุณภูคะ ไม่ได้ยินที่คุณหมอถามหรือคะว่ากี่นิ้ว”
“ใคร .. ผมหรือชื่อภู”
ญาดากับปรารภหันมามองหน้ากัน
“ก็ใช่สิคะ คุณภู ...อย่าบอกนะคะว่าจำชื่อตัวเองไม่ได้”
“ไหนบอกหมอซิว่านี่ใคร”
หมอชี้มาที่ญาดา ธาวินมองส่ายหน้า
“ไม่รู้ ผมไม่รู้จัก”
ปรารภจ้องมองญาดาที่อึ้งไป ญาดาฝืนยิ้มเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้
“อะไรคะคุณภู นี่ตาลเมียคุณไงคะ ทำไมอยู่ๆบอกว่าจำเมียไม่ได้”
“ผมจำคุณไม่ได้จริง ๆ”
หมอชี้ไปที่ปรารภ
“แล้วคนนี้ล่ะครับ จำได้มั้ยครับ”
“ไม่รู้ ผมจำอะไรไม่ได้เลย โอ๊ย ผมปวดหัว”
ธาวินกุมหัว … ปรารภกับตญาดาต่างสบตากับหมอ

“ความจำเสื่อม!” ญาดาพุดขึ้นอย่างตกใจ
หมอเหลือบมองที่ธาวินซึ่งหลับไปแล้ว
“ใช่ครับ เท่าที่ตรวจดูอาการคุณภูบดี ผมคิดว่าคงเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง”
“หมายความว่าจำทุกเรื่องไม่ได้ หรือจำได้แค่บางเรื่องคะ” ญาดาซักและลุ้นฟังคำตอบ
“กรณีของคุณภู หมอคิดว่าแกคงจะจำเหตุการณ์ทุกอย่างก่อนที่จะสลบไปไม่ได้เลย รวมทั้งความเป็นมาในอดีตของตัวเองด้วย”
ญาดาพยายามเก็บความดีใจแล้วซักต่อแบบเนียนๆ
“จริงเหรอคะ แล้วคุณภูจะหายมั้ยคะ จะจำความได้เมื่อไหร่คะ”
“หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้ บางเคสก็หายเร็ว แต่บางเคสก็อาจจะนาน หรือไม่ก็ไม่สามารถจำอดีต
ได้อีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงล่ะครับ มีวิธีไหนที่จะรักษาได้บ้าง” ปรารภถามบ้าง
“ต้องให้คนไข้อยู่ในที่ที่คุ้นเคยครับ และญาติก็ต้องช่วยกันกระตุ้นความทรงจำที่มีร่วมกัน เล่าเรื่อง
ที่ประทับใจหรือเรื่องในอดีต ผมคิดว่าไม่นานความทรงจำเค้าก็จะคืนกลับมาเองครับ”
“แล้วคุณภูจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับ”
“อาการทุกอย่างปกติดียกเว้นแค่เรื่องความจำเสื่อม ผมให้ยานอนหลับไป คุณภูจะได้พักผ่อนอีกซักหน่อย ตื่นขึ้นมาก็กลับบ้านได้เลยครับ”

ญาดาแอบโล่งใจแต่ปรารภกลับมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลาต่อมา ญาดาเดินออกมาจากลิฟท์พร้อมด้วยปรารภ ความจริงญาดาไม่อยากให้ปรารภมาด้วยเพราะยังคิดหาทางหนีตลอดเวลา

“ที่จริงคุณปรารภไม่ต้องไปส่งก็ได้นะคะลำบากเปล่าๆ ตาลกลับไปเอาของใช้ที่โรงแรมเองได้ โรงแรมก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
ปรารภมีสีหน้าหนักใจ แต่ไม่พูดออกมา
“ไม่ลำบากหรอกครับคุณตาล รถผมจอดข้างหน้านี้เอง ไปกันเถอะครับ”
ญาดาจำใจเดินตามปรารภไป

ขณะเดียวกันกับที่บุญทันเดินเข้ามาในโรงแรมและมุ่งตรงมาที่เคาน์เตอร์
“ขอโทษนะครับ ผมพยายามโทรมาที่ห้อง แต่ไม่มีคนรับเลยช่วยเช็คให้หน่อยได้มั้ยครับว่าคุณภูบดีอยู่ในห้องรึเปล่า”
“เดี๋ยวให้แม่บ้านเช็คให้นะคะ” พนักงานต้อนรับตอบ
พนักงานต้อนรับหันไปกดโทรหาแม่บ้าน บุญทันยืนรออยู่ ญาดาเดินเข้ามากับปรารภ
“คุณปรารภรออยู่ข้างล่างก็ได้ค่ะ เดี๋ยวตาลขึ้นไปเอาของแป๊บเดียว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขึ้นไปช่วยคุณตาลถือของดีกว่า”
ญาดาเดินไปที่ลิฟต์ ปรารภเดินตามไป ทางด้านพนักงานต้อนรับ...เพิ่งจะวางหูโทรศัพท์จากแม่บ้านแล้วหันมาบอกบุญทัน
“คุณภูบดีไม่อยู่ค่ะ รู้สึกว่าเมื่อคืนจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่เพราะแม่บ้านบอกว่าเตียงยังเรียบร้อยอยู่เลย”
“ขอบคุณมากครับ … มันไปไหนของมันวะ”
บุญทันเดินออกไปอย่างหงุดหงิด



ที่หน้าห้องพักของธาวิน ญาดาหยิบการ์ดจากกระเป๋าสตางค์ธาวินมาเสียบที่ประตูแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป ปรารภเดินตามญาดาเข้ามาในห้อง
“คุณปรารภรอเดี๋ยวนะคะ ตาลเข้าไปเอาเสื้อผ้าก่อน”
ญาดาเดินเข้าห้องนอนไป ปรารภนั่งรออยู่ ญาดาเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างเคร่งเครียดพลางส่งสายตามองไปรอบๆห้อง แล้วเดินไปดูที่หน้าต่าง
“จะหนียังไงวะเนี่ย ขืนโดดลงไปตายแน่”
ตาลเดินกลับไปแง้มประตูห้องนอนมองออกไปยังเห็นปรารภนั่งรออยู่ ญาดาหงุดหงิด
“โอ๊ย ตาลุงนี่ก็นั่งเฝ้าอยู่ได้ เฮ้อ ไม่น่าหาเรื่องเลยเรา”
เสียงมือถือของญาดาดังขึ้นเห็นว่าเป็นเบอร์แม่ ก็กดรับทันที
“ฮัลโหลแม่”
“เอ็งอยู่ไหนไอ้ตาล ทำไมไม่กลับบ้านซะที”
“หนูยังกลับไม่ได้แม่”
“ทำไม มีเรื่องอะไรบอกแม่ซิจะให้แม่ไปช่วยรึเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกแม่ เอาไว้เจอกันแล้วหนูจะเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อนนะ”
ญาดาวางสายโทรศัพท์ทันที ฝ่ายเจ๊อ้อยเมื่อวางสายแล้วก็บ่นกับตัวเองอยู่ในบ้านเช่า
“อะไรของมันนักหนาวะ”
ครั้นเจ๊อ้อยเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุ้งเฮือกที่เห็นเสกและลูกน้องยืนอยู่
“อุ๊ย เฮียเสก”

ญาดาเปิดประตูห้องออกมาพร้อมทำทีเป็นถือถุงผ้าใส่ของเดินออกมา
“เรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“ค่ะ”
“มีอะไรให้ผมช่วยถือมั้ยครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ ของตาลมีนิดเดียว ไปค่ะ”
“เดี๋ยวครับคุณตาล ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณตาลเรื่องนึง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ผมอยากให้คุณตาลปิดเรื่องที่คุณภูความจำเสื่อมเอาไว้ก่อน”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ตาลจะไปบอกเรื่องนี้กับใครล่ะคะ”
“ก็คุณท่านไงครับ พรุ่งนี้ผมต้องพาคุณกับคุณภูไปพบคุณท่านที่บ้าน”
ญาดาตกใจทันที
“ตาลต้องไปด้วยเหรอคะ”
“คุณตาลเป็นภรรยาของคุณภู ก็ต้องเข้าไปกราบคุณท่านด้วยกันสิครับ”

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทประพันธ์ : อรพิม
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทโทรทัศน์ : วิลักษณา
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก กำกับการแสดง : คฑาเทพ ไทยวานิช
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ผลิตโดย : ยุวดี ไทยหิรัญ บริษัทยูม่า 99 จำกัด
เล่ห์ร้อยรัก นำแสดงโดย : เข็มอัปสร สิริสุขะ,วรินทร ปัญหกาญจน์,วรฤทธิ์ ไวยเจียรนันท์,เซลิน่า เพียซ ฯลฯ
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ช่อง 3
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ออกอากาศ ต่อจากละคร ขุนศึก
ที่มา manager.co.th