อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 4
“จบมาเมื่อไหร่หนูจะสู้นายนั่นไม่ถอยเลย คอยดู!!!”ooooooo
หลังจากทำสวนมาทั้งวัน ตกกลางคืน อาทิจเอาแคนมาเป่าให้ต๊อด อึ่ง กับพันได้เซิ้งกันให้ผ่อนคลายเบิกบานใจ เซิ้งไปได้พักใหญ่ อึ่งเสนอว่าเราน่าจะไปที่ร้านทองประศรี ที่นั่นมีอะไรๆน่าสนุกมากมาย เช่น คาราโอเกะ เหล้ายาปลาปิ้ง อาทิจน่าจะไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
“ฉันไม่ชอบเที่ยวอย่างนั้น ฉันชอบอยู่กับดินกับต้นไม้”
ต๊อดเลยแซวว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบอยู่กับดินกับต้นไม้เหมือนกัน อาทิจถามว่าใคร ต๊อดกับอึ่งตอบพร้อมกันว่า
“คุณณี”
ดรุณีที่เดินมาจะเอาเรื่องอาทิจที่เป่าแคนหนวกหูรบกวนการอ่านหนังสือของตน ได้ยินหนุ่มๆคุยกันก็ชะงักแอบฟังเก็บข้อมูลเพื่อเอาไปฟ้องคุณย่า ยิ่งต๊อดกับอึ่งเอ่ยชื่อตนก็เงี่ยหูฟัง ซ้ำอาทิจยังทำเสียงสยองปนเบื่อหน่ายว่า
“เขาเกลียดฉันยังกับอะไรดี วันๆเคยพูดดีกันที่ไหน” พันติงว่าคุณณีน่ารักออกนิสัยดีด้วย “ก็อาจจะเป็นอย่างที่นายว่า เขาอาจจะดีกับคนอื่น แต่ไม่ใช่ฉัน ที่สำคัญ...ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่นิสัยเหมือนเด็กๆ ฉันไม่มีเวลาไปตามงอนง้อใคร แค่ทำงานก็แทบไม่มีเวลาหายใจแล้ว”
ดรุณีหน้าง้ำเมื่อรู้ว่า ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังอาทิจก็ยังคงมองตนเป็นเด็กอยู่ร่ำไป
เมื่อคุณย่าอนุญาตและสนับสนุนการทำสวนกล้วย อาทิจลงมือไถที่ทันที ขณะกำลังไถที่อยู่ ดรุณีก็มาตะโกนโหวกเหวก บอกว่าคุณย่าให้มาเรียกไปกินข้าว ทั้งคู่พูดกันไม่เข้าหูตามเคย เรื่องง่ายๆเลยกลายเป็นเรื่องยาก พูดกันไม่รู้เรื่อง อาทิจเลยแกล้งยั่วว่าหงุดหงิดขี้โมโหระวังจะ...เขาทิ้งไว้แค่นั้น
ดรุณีอาละวาดเข้าไปทุบเขา บอกให้พูดมาว่าจะ... อะไร อาทิจเลยกระโดดลงจากรถ เป็นจังหวะที่ดรุณีโน้มตัวเข้าหาเขาเต็มที่เลยตกลงไปเข่ากระแทกพื้นทั้งสองข้างลุกไม่ขึ้น นั่งร้องโอดโอย จึงเป็นหน้าที่ของอาทิจ ที่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจะพาไปที่จักรยาน ถามว่าจะให้อุ้มเข้าสะเอวหรือจะขี่หลังแบบเกาหลี
ดรุณีเลือกขี่หลัง ก็ถูกเหน็บอีกว่ามีแฟนหน้าเกาหลีเลยต้องเลือกแบบเกาหลี
แม้จะเป็นคู่กัดแต่พอได้ใกล้ชิดสัมผัสร่างกัน ความ รู้สึกอื่นก็แทรกเข้ามา ต่างรู้สึกวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก
แต่พอไปถึงบ้าน เวทางค์เห็นอาทิจประคองดรุณีขึ้นบ้านก็หึงขึ้นมา หาว่าอาทิจแต๊ะอั๋งดรุณี แล้วแย่งทำหน้าที่แทน คุณย่าจึงบอกอาทิจให้ไปกินข้าวก่อน
คุณย่าให้เวทางค์ไปเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลให้ พอได้กล่องปรากฏว่าแว่นคุณย่าหาย เลยต้องให้เวทางค์ ทำแผลให้ แต่พอเวทางค์เปิดดูแผลเห็นเลือดเท่านั้น ก็เป็นลมหงายผึ่งไปเลย
อาทิจจึงถูกเรียกมาทำแผลแทน เขาทำแผลอย่างคล่องแคล่ว เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์จนชุ่มเพื่อล้างแผลวางแช่ไว้ที่แผล แสบจนดรุณีร้องลั่น ดรุณีโมโหคิดว่าเขาแกล้งเลยดีดติ่งหูเขาจนร้องลั่นไปเหมือนกัน ทำเอาคุณย่างงว่าใครเป็นคนเจ็บกันแน่
ooooooo
ทองประศรียัง “ไปตามนัด” กับทองใบเป็นประจำ ที่น้ำตก เฝ้ารอวันที่จะได้เป็นสะใภ้เจ้า แต่วันแล้ววันเล่าทองใบก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง จนวันนี้ทองประศรีถามว่าพรุ่งนี้เช้าไปเลยได้ไหม
“เดี๋ยวจ้ะ...รอก่อน รอเจ้าพ่อเจ้าแม่พี่นะจ๊ะ ท่านจะมาถึงที่นี่ช่วงบ่าย” แล้วบอกทองประศรีให้เตรียมแต่งตัวสวยๆรอรับเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้เลย
พอกลับบ้าน ทองประศรีบอกพ่อแม่และน้องๆว่าให้ทุกคนเตรียมเอาเสื้อผ้าชุดที่สวยที่สุด ดีที่สุดออกมาแต่ง และทำผมแต่งหน้าให้สวยงามด้วย เพราะจะมีแขกกิตติมศักดิ์มาเยี่ยม
ทุกคนพากันงงกับแขกกิตติมศักดิ์ของทองประ–ศรีว่าเป็นใคร??
เป็นการลงทุนอย่างมาก ที่ทุกคนต้องไปเช่าชุดและจ้างช่างมาแต่งหน้าแต่งผม แล้วตั้งหน้าตั้งตารอแขกกิตติมศักดิ์กัน เมื่อได้เวลาปรากฏว่ายรรยงในชุดตำรวจยศสิบโทเต็มยศเดินเท่เข้ามา ทำเอาทุกคนแทบเป็นลมนึกว่าเป็นแขกกิตติมศักดิ์ แต่เพราะอยากอวด ทองประศรีเลยชวนยรรยงร่วมอยู่ต้อนรับแขกกิตติมศักดิ์ของครอบครัวด้วย
คอยกันจนเงก ตุ๊ก็รีบเข้ามาถามว่าตนมาสายหรือเปล่า ทองประศรีบอกว่าแขกกิตติมศักดิ์ยังไม่มาเลย
“แล้วไป นึกว่ามาไม่ทัน นี่ถ้าไม่เจอไอ้รถขายของชำนั่น พี่ตุ๊คงมาถึงเร็วกว่านี้”
ทองประศรีดีใจถามว่าเจอกันที่ไหน ตุ๊เล่าว่า เจอทองใบที่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน เล่าถึงความขี้หลีเจ้าชู้ยักษ์ของทองใบ พอเจอก็ถามว่าคุณผู้หญิงจะไปไหนอาสาจะไปส่ง แต่พอตุ๊บอกว่าไปบ้านทองประศรี ทองใบก็กระโดดขึ้นรถเผ่นไปเลย แถมยังตะโกนใส่หน้าตนด้วยว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกเด็ดขาด
พอตุ๊เล่า ทองประสานกับทองประสมก็เล่ากันฉอดๆ บ้างว่า หมอนี่แหละเวลาทองประศรีไม่อยู่มักจะมาชวนไปเที่ยวเล่นที่น้ำตกกัน ที่จะคุยกันได้นานหน่อยก็เรื่องยี่เก เพราะเป็นคอยี่เกเหมือนกัน ยรรยงฟังอยู่ด้วยเลยแฉแหลกว่า
“ไอ้พระเอกยี่เกเก่านี่แหละ ที่ไปฟาดผู้หญิงหนอง– สะพือมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน จนฉันรับแจ้งความไม่ไหว ตำรวจที่โรงพักถึงกับตั้งฉายาให้มันว่า ทองใบจอมตะบันฟันแล้วทิ้ง”
“พี่ตุ๊ไปเจอมันที่ไหน” ทองประศรีถามเครียด
“ก็ทางเข้าหมู่บ้านนั่นแหละ ป่านนี้คงถึงถนนใหญ่แล้วมั้ง”
ทองประศรีหายใจเสียงครือ...ปากคอสั่นจะเป็นลมเสียให้ได้ พอตั้งหลักได้ทองประศรีก็วิ่งทางลัดไปดัก เจอทองใบกำลังประคองสาวสะโพกดินระเบิดจะพาขึ้นรถพอดี แต่พอเห็นทองประศรีเท่านั้นก็ทิ้งหญิงสาวคนนั้นขึ้นรถเผ่นแนบไปเลย
“ไอ้ทองใบ...ไอ้เลว แกจะหนีไปไหน ไอ้ยี่เกบ้านนอก แกทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง ไหนล่ะวัง ไหนล่ะเจ้าพ่อเจ้าแม่ของแก มันอยู่ไหน ไอ้กะล่อน ไอ้คนเลว!!!”
ทองประศรีแทบจะหมดแรงอยู่ตรงนั้น เจ็บทั้งตัวและเจ็บทั้งใจเหมือนตายทั้งเป็น
เมื่อกลับมา ถูกทั้งพ่อทั้งแม่คาดคั้นถามว่าไปตามทองใบทำไม แล้วแขกกิตติมศักดิ์ที่ว่าเป็นใคร ทองประศรีหาทางโกหกเพื่อให้เรื่องเลวร้ายน้อยที่สุด
เธอปดพ่อกับแม่ว่าที่ไปตามทองใบ เพราะมันเป็นหนี้ตนถึงสองพันบาท ส่วนแขกกิตติมศักดิ์ที่ว่านั้นคืออาทิจหลานคุณย่า ได้ข่าวว่าคนงานจะชวนมาเที่ยวที่ร้านเรา เลยถูกด่าทั้งสองเรื่องว่า แค่เงินสองพันจะร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ทำไม นึกว่าเสียตัวให้มันเสียอีก ส่วนหลานคุณย่านั้น อย่าหวังว่าเขาจะมาเที่ยวร้านชำอย่างเรา ระดับเขาต้องไปเที่ยวที่หรูมีแอร์เย็นฉํ่ามีสาวสวยคอยปรนนิบัติ บอกให้เลิกฝันลมๆแล้งๆได้แล้ว
ทองประศรีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่เจ็บชํ้า นํ้าใจจนอกแทบระเบิดอยู่คนเดียว
ooooooo
วันนี้ อาทิจจะไปขุดหน่อกล้วย วิยะดา เวทางค์ และดรุณีต่างก็อ้างเหตุผลที่ไปด้วยไม่ได้ คุณย่าจึงให้ไพฑูรไปช่วย ไพฑูรไปถึงก็ทำเป็นไม่สบายจนอาทิจต้องให้นั่งพักที่รถ แล้วตัวเองไปขุดหน่อกล้วยคนเดียว
ไพฑูรกลับมาเล่าให้ดรุณีฟังว่า อาทิจไปขุดหน่อกล้วยป่าจะเอามาปลูก ดรุณีสะใจมาก หาทางกันพวกที่ดูกล้วยเป็น ไม่ให้ไปช่วยปลูกในวันรุ่งขึ้น อีกด้านหนึ่งก็พูดยั่วยุว่างานแค่นี้เขาทำคนเดียวก็ได้หมายให้อาทิจฮึด จะได้หลงปลูกกล้วยป่า โดยคิดว่าเป็นกล้วยบ้าน แอบนึกสะใจว่า “คราวนี้ล่ะ นายต้องได้เป็นเทวดาตกสวรรค์แน่ ฮิ...ๆ...ๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้น อาทิจจะไปลงหน่อกล้วย คุณย่าจะไปดูให้กำลังใจ แต่ถูกดรุณีมาอ้อนให้ไปตรวจบัญชีที่ออฟฟิศในเมืองกับตน เพื่อกันไม่ให้คุณย่าไปเห็นหน่อกล้วย เพื่ออาทิจจะได้หลงปลูกกล้วยป่าไปทั้งสวนเลย
อาทิจมารับคุณย่าตามนัด ถูกดรุณีกันท่าไม่ให้พบ บอกว่าคุณย่าจะไปตรวจบัญชีกับตนในเมือง อาทิจจึงฝากให้บอกคุณย่าด้วยว่าตนมาแล้ว แต่พอเขาจะกลับ ก็ถูก ดรุณีพูดแดกดันว่า
“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนนะ อย่าเที่ยวหลงตัวเองว่าปลูกผักได้ แล้วจะทำอย่างอื่นได้ตามไปด้วย”
อาทิจบอกว่าตนยอมเจ็บตัว เพราะอย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ชีวิตในวันข้างหน้า ดีกว่าบางคนที่เอาแต่บริหารปากไม่รู้จักฝึกที่จะบริหารสมองของตัวเอง
ถูกอาทิจด่ากลับเนียนๆ ดรุณีฮึดขึ้นมาบอกว่าตนไม่เดือดร้อนหรอก เพราะคนที่จะเดือดร้อนคือเขา พออาทิจมองงงๆ เธออวยพรประชด “ขอให้นายโชคดี ทำงานอย่างมีความสุขก็แล้วกัน” ปากพูดอย่างนั้นแต่ใจอาฆาตว่า “ในเมื่อนายไม่ลดราวาศอกให้ฉัน เรื่องอะไรฉันจะต้องเห็นใจนาย”
ooooooo
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 5
สายวันนี้ ตุ๊ทำลับๆล่อๆ วิ่งจู๊ดเข้ามาในร้านทองประศรี ทุกคนมองกันอย่างแปลกใจ บรรยงถามประสาตำรวจว่าเป็นอะไรทำท่าอย่างกับตีนแมวไปฉกของใครเขามาตุ๊ป้องปากบอกว่ามีเรื่องเด็ด ทุกคนหูผึ่ง สิงห์ทองถามว่าเรื่องเด็ดอะไร ตุ๊ทำท่าตื่นเต้นเล่าว่า นังซ่อนกลิ่นลูกสาวผู้ใหญ่ทองกับน้าจิต แอบไปอุ๊บอิ๊บกับหนุ่มเซลส์ขายยา พอมันฟันแล้วทิ้งเลย
สิงห์ทองโพล่งไปทันทีว่าอีหรอบเดียวกับไอ้ทองใบเลย ตุ๊เล่าต่ออย่างมันในอารมณ์ว่า
“อื้อหือ...บ้านแทบระเบิด เพราะไม่ใช่ลูกสาวจะเสียตัวอย่างเดียว ดันโอ้กอ้ากขึ้นมาด้วยน่ะสิ อุตส่าห์ตั้งชื่อลูกสาวว่าซ่อนกลิ่น ตอนนี้ซ่อนไม่ทันแล้วกลิ่นมันหึ่งไปทั้งหมู่บ้านเลย จะออกไปไหนทีแทบต้องเอาปี๊บคลุมหัวแทนหมวกกันเลยล่ะ”
สิงห์ทองคำรามว่า ถ้าเป็นลูกสาวบ้านนี้พ่อจะฆ่าให้ตายคามือเลย คนระดับนี้ถ้ามาข้องแวะกับลูกสาวตน จะจับเจี๋ยนเสียให้เข็ด พูดแล้วของขึ้น ลุกขึ้นคว้าบรรยงไปขึ้นเข่าแทงศอกกระทืบเท้าใส่ แต่พอปล่อยบรรยงก็ร้องหายาดม
ทองประศรีนั่งสะดุ้งเฮือกๆ นึกหวั่นใจขึ้นมา บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปสั่งของในเมือง จะรีบไปรีบมา ตุ๊รีบลุกบอกว่าตนก็จะไปซื้อยาพอดี เลยออกไปด้วยกัน
ระหว่างทองประศรีเดินไป สิงห์ทองมองสะโพกลูกแล้วเปรยๆกับคำมาผู้เป็นเมียว่า
“ทำไมสะโพกนังศรีมันผายนักวะ ยังกับโดนของมาแล้วงั้นล่ะ”
ooooooo
อาทิจตั้งหน้าตั้งตาลงหน่อกล้วย ไม่ไปกินข้าวกินปลา จนต๊อด อึ่งกับพันเป็นห่วงเอาข้าวเอาน้ำมาส่ง อาทิจขอบใจบอกให้วางไว้เดี๋ยวจะขึ้นไปกินเอง ให้กลับไปทำงานกันเถอะ
ระหว่างนั้น พันสะดุดตาว่าทำไมหน่อกล้วยที่อาทิจปลูกใบมันลีบก้านมันเล็กอย่างนั้น ถามว่าไปซื้อมาจากไหน
“ไม่ได้ซื้อ มันมีอยู่ในที่คุณย่าเป็นดง แค่ออกแรงขุดเท่านั้นเอง”
ต๊อดนึกออก แต่ไม่ทันพูดอะไร ไพฑูรก็มาเร่งให้กลับไปทำงาน เดี๋ยวทางนี้ตนจัดการเอง ต๊อดยังคันปากยิบๆ ไพฑูรทั้งร้องห้ามและปรามด้วยสายตา แล้วลากทั้งสามไปทำงานที่สวนส้มคุณย่า
ทั้งอึ่ง พัน และต๊อด ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของไพฑูรว่าทำให้อาทิจเหนื่อยเปล่า หน้าแตกด้วย ต๊อดจะไปบอกอาทิจ พันกับอึ่งเอาด้วย ไพฑูรถามว่าสามคนจะเดือดร้อนอะไรนักหนา เรื่องนี้ก็แค่ดรุณีจะแหย่อาทิจเล่นๆ กระทั่งขู่ว่า
“ถ้าพวกเอ็งบอกก็เท่ากับพวกเอ็งตั้งตัวเป็นศัตรูกับคุณดรุณี เอ็งคิดว่าใครจะขึ้นมาดูแลที่นี่แทนคุณย่า ใครที่จะเป็นคนจ้างพวกเอ็งทำงานต่อไป คิดดูให้ดี”
ถูกไพฑูรเอาไม้นี้มาขู่ ทั้งสามเลยจุกพูดไม่ออก
ooooooo
อาทิจยังปลูกกล้วยอย่างอดทนมุ่งมั่น เวลาพักเหนื่อยก็ไปนั่งเขียนจดหมายที่ใต้ต้นไม้ เล่าถึงการปลูกกล้วยอย่างมีความสุข บอกว่าคุณย่านอกจากสนับสนุนโครงการนี้แล้วยังจะให้เงินเดือนและส่วนแบ่งจากการขายกล้วยให้ตนด้วย ชมทุกคนที่นี่ว่าเป็นมิตร และร่วมแรงร่วมใจทำงานกับตนดีมาก สุดท้ายเขาเขียนว่า
“...นับวันผมยิ่งรักที่นี่มากขึ้นทุกที แต่ก็ไม่มีวันลืมบ้านของเรา บ้านที่มีพ่อ แม่ และน้องรอผมอยู่...คิดถึงคุณพ่อคุณแม่และน้องๆทุกคนสุดหัวใจครับ...อาทิจ”
จนกระทั่งเย็น เลิกงานแล้ว คนงานบ้างเดินบ้างขี่จักรยานกลับบ้าน อาทิจทักทายอย่างอัธยาศัยดีว่าเลิกงานกันแล้วหรือ คนงานเข้ามายืนดูอาทิจที่กำลังปลูกกล้วย แล้วหันมองหน้ากันอย่างงวยงง
แล้วเรื่องก็ถึงหูคุณย่า เมื่อน้าแก้วมาบอกว่า จิ๋วแจ๋วเล่าว่าคนงานคุยกันถึงเรื่องอาทิจเอากล้วยป่ามาปลูกในแปลง
คุณย่าหน้าเครียด ดุทุกคนที่มายืนเงียบกริบอยู่ข้างหลังว่าสนุกมากไหม เห็นหลานตนเป็นตัวตลกหรือไง ปล่อยให้ปลูกกล้วยป่าเป็นไร่ๆ อย่างนี้ได้ยังไง ถามเสียง เครียด “หัวใจพวกแกทำด้วยอะไรหา!!”
อาทิจทั้งเสียใจ เสียความรู้สึก เขาขอโทษคุณย่า สบตาดรุณีแล้ววิ่งหนีไปอย่างสุดที่จะทนกับสายตาของทุกคนได้ คุณย่าเรียกไพฑูรมาดุว่า ให้มาช่วยอาทิจขุด หน่อกล้วยแล้วทำไมไม่บอกว่ามันเป็นกล้วยป่า ไพฑูร อึกอักแล้วโยนกลองว่าดรุณีไม่ให้บอก ทำเอาดรุณีเสียวสันหลังวาบ
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 4-5 วันที่ 1 กรกฎาคม 2555
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุลที่มา ไทยรัฐออนไลน์