หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 41

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 41

“หวังว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้เรากับคุณภูต้องเลิกกันนะ”
ญาดาปิดไฟล้มตัวนอน
เช้าวันใหม่ ภายในห้องทำงานพิพัฒน์ ปรารภนั่งตรงข้ามกับพิพัฒน์แล้วยื่นภาพถ่ายใบหนึ่งให้ ภาพถ่ายใบนั้นเป็นรูปธาวินและบุญทันถ่ายรูปคู่กันในชุดสูทสมัยที่อยู่ต่างประเทศ พิพัฒน์พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ปรารภพูดขึ้น

“เป็นไปอย่างที่ท่านสงสัยจริงๆครับ คุณภูบดีตัวจริงคือบุญทัน”
“แน่ใจนะ”
“ผมเช็คกลับไปที่อเมริกา ลูกน้องผมที่อยู่ที่นู่นยืนยันว่าใช่ครับ”
พิพัฒน์ชี้ไปที่หน้าธาวินในรูป
“แล้วไอ้ตัวปลอมมันเป็นใคร”
“ชื่อคุณธาวินครับเป็นเพื่อนรักที่เป็นหุ้นส่วนร้านกับคุณภูบดี”
“ชั้นนึกแล้วไม่มีผิดว่าไอ้สองคนนี้มันต้องมีอะไรปกปิดเรา”
“แล้วทำไมท่านถึงสงสัยขึ้นมาครับ”
“ชั้นเคยเห็นมันสองคนคุยอะไรกันท่าทางเหมือนสนิทกันผิดปกติ แล้วเวลาที่ชั้นคุยกับไอ้บุญทันชั้นรู้สึกเหมือนมันมีอะไรบางอย่าง ที่ชั้นคุ้นเคยกับมัน โดยเฉพาะรอยยิ้มของมัน เหมือนพ่อมันมาก” พิพัฒน์พูดแล้วยิ้มขำ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตอนแรกผมเช็คไม่ละเอียด เห็นแค่แหวนต้นตระกูลก็เข้าใจว่าเป็นคุณภูบดี”
“ชั้นไม่โทษคุณหรอก เราต่างก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าภูบดี มีภาคินคนเดียวเท่านั้นที่เคยคุยกับเค้า ใครจะไปคิดว่ามันจะอุตตริสลับตัวกัน”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณภูบดีแกจะทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“นั่นสิ ชั้นก็กำลังสงสัยอยู่”
“แล้วท่านจะเอายังไงครับ จะบอกให้คุณภูรู้มั้ยครับว่าท่านรู้ความจริงแล้ว”
“ยัง ชั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคิดจะทำอะไรกันแล้วจะปกปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
ปรารภพยักหน้ารับรู้ พิพัฒน์มองรูปในมืออีกครั้ง

ภายในห้องครัวคนใช้ในเวลากลางวัน เจ๊อ้อยนั่งกินข้าวพลางอ่านนิยายในหนังสือพิมพ์ ป้านวลกับลุงแย้มมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“นี่ แม่อ้อย อย่ามัวแต่อ่านหนังสืออยู่เลย งานการยังมีให้ทำอีกเยอะแยะนะ” ป้านวลว่า
“ขอชั้นอ่านละครทีวีก่อนน่ะป้านวลใกล้จบแล้ว”
“แต่ชั้นว่าแม่อ้อยมาอ่านตอนเย็นดีกว่ามั้ย ไปทำงานให้เสร็จๆก่อนไป” ลุงแย้มบอก
“ใช่ วันก่อนชั้นได้ยินคุณนภาแกบ่นๆอยู่ว่าแม่อ้อยทำบ้านแกไม่ค่อยสะอาด ไม่ใช่หรือ” ป้านวลบอก
เจ๊อ้อยจำใจพับหนังสือพิมพ์อย่างเซ็งๆ
“นี่ชั้นก็ทำเต็มที่แล้วนะ ถ้ายังบอกว่าไม่สะอาดก็ต้องทำเองแล้ว”
“พูดอย่างงั้นได้ไง เราเป็นลูกจ้างเค้านะ เค้าจ่ายเงินนะไม่ได้ให้ทำฟรีๆ” ป้านวลว่า
“โอ๊ย ไอ้เงินค่าจ้างนิดหน่อย แค่เดือนล่ะไม่กี่พันชั้นไม่อยากได้หรอก”
“อ้าว ถ้าไม่อยากได้ แล้วมาเป็นลูกจ้างเค้าทำไม” ลุงแย้มถาม
“ใช่ ไม่อยากได้ก็อย่าทำ ไปลาออกเค้าซะ” ป้านวลบอก
เจ๊อ้อยยิ้มเยาะแล้วบอก
“วันนึงลุงแย้มกับป้านวลก็รู้เองแหละว่า ทำไมชั้นถึงต้องทำ”
เจ๊อ้อยทิ้งรอยยิ้มปริศนาไว้ ป้านวลกับลุงแย้มมองหน้ากันอย่างงงๆ ต้นหอมเข้ามาพอดี
“อ้าว น้าอ้อย นี่ ยังกินข้าวไม่เสร็จอีกหรือ หนูนึกว่าน้าทำงานอยู่ที่บ้านคุณนภาแล้ว”
“ก็กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอกินน้ำก่อน”
เจ๊อ้อยหยิบน้ำขึ้นดื่ม ต้นหอมมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“เอา เรียบร้อยแล้ว”
ต้นหอมเดินตามเจ๊อ้อยออกไป ป้านวลกับลุงแย้มมองตาม
“ข้าว่านังอ้อยนี่ท่าทางมันจะอยู่ได้ไม่นานนะ แกว่ามั้ย” ป้านวลว่า
“ข้าก็ว่างั้นล่ะ ท่าทางมันขี้เกียจเหลือเกิน”
ป้านวลกับลุงแย้มส่ายหน้าอย่างระอาใจ

ภายในบ้านนภา ในเวลาเดียวกัน ปารมีเดินลงมาจากชั้นบน
“แม่คะ หนูจะออกไปแบงก์ แม่จะเอาอะไรรึเปล่าคะ”
“ซื้อน้ำผลไม้ติดเข้ามาหน่อยนะลูก” นภาว่า
“ค่ะ”
ปารมีเดินออกไป นภามองตามแล้วหันกลับมาเห็นอ้อยกำลังหยิบของมีราคาที่ตั้งโชว์บนชั้นมาดูอย่างประเมินราคา นภาเดินเข้าไปหาด้านหลังแล้วถาม
“ทำอะไร”
เจ๊อ้อยสะดุ้ง
“ว้าย คุณพระ อุ๊ย คุณนภา ขอโทษค่ะ ตกใจหมดเลย”
“มองอะไร ทำไมไม่ทำงาน”
เจ๊อ้อยหยิบรูปปารมีที่ตั้งโต๊ะขึ้นมาแล้วพูดว่า
“อ้อยกำลังดูรูปน่ะค่ะ ว่าคุณปารมีนี่สวยเหมือนใคร ที่แท้ก็สวยเหมือนคุณนภานั่นเอง”
นภาไม่ยินดีกับคำชม
“ไม่ต้องมายอเพราะชั้นไม่บ้ายอ ชั้นจะบอกเธอว่าเธอล้างห้องน้ำไม่สะอาดอีกแล้วนะ กลับไปล้างใหม่”
“อ้อยล้างไปสองรอบแล้วนะคะ”
“แต่มันยังไม่สะอาด แล้วในครัวก็เอาน้ำยาออกมาเช็ดพื้นซ้ำอีกที ครัวยังมีคราบน้ำมันอยู่เลย”
“ค่ะ”
นภาเดินออกไป เจ๊อ้อยมองตามแล้วเบ้หน้าทำปากมุบมิบด่าตามหลัง
“เคี่ยวจริง ๆ”
นภาหันกลับมา เจ๊อ้อยสะดุ้งใจหายวาบ
“เดี๋ยวชั้นจะไปตึกใหญ่ และถ้าชั้นกลับมาเธอยังทำงานไม่เรียบร้อยตามที่ชั้นบอก เธอเตรียมตัวออกจากงานได้เลย”
เจ๊อ้อยฝืนยิ้มบอก
“ค่ะ”
เจ๊อ้อยมองตามแล้วยิ้มเยาะเมื่อนภาเดินออกไป
“รอให้ถึงวันที่เปิดเผยว่าชั้นเป็นแม่ยายคุณภูบดีก่อนเถอะจะเรียกมานวดเท้าทั้งวันเลย”
เจ๊อ้อยมองซ้าย มองขวา แล้วนึกได้
“เอ๊ะ ไม่มีใครอยู่นี่หว่า”
เจ๊อ้อยหยิบกุญแจผีที่เตรียมไว้ออกมาแล้วยิ้มกับตัวเองวิ่งขึ้นชั้นบนไป

เจ๊อ้อยวิ่งขึ้นมาที่ชั้นบนและตรงไปยังห้องนภา เสียบกุญแจไขประตู เสียงลูกบิดประตูดังกริ๊ก เจ๊อ้อยยิ้มแล้วเปิดประตูเข้าไปมองสำรวจห้องนภา
“ไม่เห็นจะมีอะไร ทำเป็นหวงไม่ให้ใครเข้า”
เจ๊อ้อยเดินไปเปิดลิ้นชักข้างบานกระจกแต่งหน้า ภายในนั้นไม่มีอะไรนอกจากเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆ เจ๊อ้อยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเห็นมีกระเป๋าถือสามสี่ใบวางอยู่ที่บนชั้น นอกจากนั้นยังมีกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบวางอยู่
เจ๊อ้อยมองไม่เห็นของมีค่าอะไรก็ส่ายหน้าทำท่าหันจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ลังเล
“แต่ถ้าคนเราไม่มีอะไรซ่อนอยู่ จะล็อกห้องทำไม”
เจ๊อ้อยหันกลับเดินไปเปิดตู้อีกที หยิบกระเป๋าถือของนภาสามสี่ใบที่วางเก็บบนชั้นมารื้อดูไม่มีอะไร เจ๊อ้อยขยับกระเป๋าเดินทางก็ชะงัก เพราะกระเป๋าหนักผิดปกติ
“ทำไมหนักอย่างนี้วะ”
เจ๊อ้อยดึงกระเป๋าออกมารูดซิปเปิดออก ก็เห็นปึกเงินวางเรียงในกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ เจ๊อ้อยตะลึงหยิบเงินออกมาดู
“เฮ้ย นี่มันของจริงหรือของปลอมวะเนี่ย”

นภาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นกระป๋องทำความสะอาดยังตั้งอยู่
“อ้อย ยัยอ้อย” นภาร้องเรียก
เจ๊อ้อยสะดุ้งหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ยัยอ้อย ”
“ซวยแล้ว” เจ๊อ้อยมองซ้ายขวาหาทางหนีทันที
นภาเดินเข้าไปดูในครัวไม่เห็นใคร นภาชะงักเอะใจเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบกุญแจไขเปิดเข้าห้องไป นภามองกวาดสายตา ภายในห้องไม่มีใคร นภาเดินไปดูในห้องน้ำ ไม่มีใคร ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดตู้ออก เห็นทุกอย่างยังอยู่เป็นปกติ นภาถอนหายใจแล้วปิดตู้
“นังอ้อยนี่ ท่าทางต้องไล่ออกซะแล้ว”
นภาเดินออกปิดประตู เจ๊อ้อยโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนในห้อง
“เอาไงดีวะเรา เงินเยอะซะด้วย”
ความอยากได้เงินครอบงำจิตใจ เจ๊อ้อยเริ่มใช้ความคิด


ญาดาเดินเข้ามาในครัวเห็นเพียงต้นหอมกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว

“ต้นหอม เห็นน้าอ้อยมั้ย”
“ทำงานอยู่บ้านคุณนภาค่ะ คุณตาลเอาอะไรคะ”
“เปล่า ไม่มีอะไรจะถามอะไรแกหน่อย เออ ต้นหอม น้าอ้อยเค้าทำงานเป็นยังไง ใช้ได้มั้ย”
“ไม่ค่อยได้เรื่องหรอกค่ะ น้าอ้อยเนี่ยจอมขี้เกียจเลย แถมยังชอบอู้งานด้วยค่ะ”
“จริงหรือ”
“ค่ะ ทำอะไรก็ไม่ค่อยสะอาดไม่เรียบร้อย ที่ในครัวป้านวลก็บ่นอยู่ว่าให้ช่วยเด็ดผักหั่นเนื้อหั่นหมูแกก็ไม่ค่อยช่วย นี่ หนูกะว่าสิ้นเดือนนี้จะต้องรายงานคุณนภาอาจต้องให้แกออกค่ะ”
“แล้วทำไมไม่บอกเค้าล่ะ เค้าจะได้ปรับปรุงตัว”
“หนูบอกแกหลายหนแล้วค่ะ แต่แกไม่ค่อยฟังและที่สำคัญตกกลางคืนแกชอบชวนคนงานตั้งวงเล่นไพ่ด้วยค่ะ”
“เล่นไพ่ด้วยหรือ”
“ค่ะ เป็นเจ้ามือด้วยนะคะคุณตาล”
ต้นหอมพูดจบหันไปทำงานต่อ ญาดานึกถึงเจ๊อ้อยด้วยความรู้สึกเซ็งๆ
“แม่นะแม่”
ญาดาจะเดินออกไปก็เห็นนภาเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณป้านภา”
นภาเมินไม่สนใจคำทักทายของญาดา
“ต้นหอม เห็นนังอ้อยมั้ย”
“อ้าว น้าอ้อยไม่ได้ทำงานอยู่ที่บ้านคุณนภาหรือคะ”
“ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ชั้นเดินหาทั่วบ้านก็ไม่เจอ สงสัยต้องให้มันออกจริงๆแล้ว นังนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน”
“แกอาจจะไปเข้าห้องน้ำหรือไปทานข้าวรึเปล่าคะ” ญาดาพูดแก้ตัวทน
นภามองหน้าญาดาด้วยอารมณ์ประมาณว่าไม่เกี่ยวกับเธอ ญาดายิ้มเจื่อนอย่างเข้าใจในสายตาที่นภามองมา
“ต้นหอม ถ้าแกเจอมันบอกให้มันเก็บเสื้อผ้าออกแล้วไปเลยนะ ชั้นไม่จ้างมันแล้ว เงินเดือนที่เหลือชั้นก็ไม่ให้”
“ค่ะ”
นภามองหน้าญาดาที่ฝืนยิ้มให้ นภาเมินใส่เดินออก ญาดารู้สึกผิดแทนแม่ได้แต่มองตามนภาแล้วพึมพำกับตัวเอง
“แม่นะแม่ ออกลายแล้วมั้ยล่ะ”
ต้นหอมหันขวับมาถามว่า
“คุณตาลว่าอะไรคะ”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร”
ญาดามองตามต้นหอมที่เดินออกไปแล้วถอนใจ
“โทรบอกให้แม่รู้ตัวก่อนดีกว่า”

เจ๊อ้อยโผล่หน้าออกมาจากห้องนภากวาดตามองไม่เห็นใครก็ค่อยๆย่องเดินออกมา ปารมียืนมองอยู่ด้านหลัง
“แกเข้าไปทำอะไรในห้องแม่ชั้น”
เจ๊อ้อยสะดุ้ง หันกลับไปมองเห็นปารมียืนอยู่
“คุณปารมี”
“แม่ชั้นเค้าสั่งห้ามไม่ใช่หรือว่าอย่าเข้าไปในห้องเค้า”
“เอ่อ..อ้อย..อ้อย”
“แกคิดจะขโมยของใช่มั้ย ชั้นจะเอาตำรวจจับแก”
“เปล่านะคะ อ้อยไม่ได้ขโมย อ้อยแค่สงสัยว่าทำไมคุณนภาถึงไม่ให้เข้าห้อง”
“แกอย่ามาโกหก บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเข้าไปขโมยอะไร ไม่งั้นชั้นจะโทรให้ตำรวจมาจับแกจริงๆ”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณปารมีจะเอาตำรวจจับอ้อย อ้อยจะได้บอกให้ทุกคนรู้ว่า คุณแม่คุณมีเงินสดซ่อนอยู่ในบ้านเต็มกระเป๋า”
ปารมีชะงักไปแล้วถาม
“เงินอะไร”
“อ้อ นี่คุณคงไม่รู้เหมือนกันสิคะว่าคุณแม่คุณแอบซ่อนเงินสดเป็นล้านๆไว้ในห้อง”
“แกอย่ามาพูดให้ร้ายแม่ชั้นนะ”
“อ้อยไม่ได้ให้ร้ายค่ะ แต่อ้อยว่ามันต้องเป็นเงินไม่ดีแน่ ไม่งั้นคุณแม่คุณต้องเอาไปฝากธนาคารแล้ว เงินเกือบสิบล้านใครจะเก็บไว้ในบ้าน”
“ชั้นว่าแกพูดเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว”
“ถ้าคุณปารมีไม่เชื่อเราเข้าไปดูด้วยกันในห้องก็ได้ค่ะ”
เจ๊อ้อยทำหน้าท้าทายมองหน้าปารมีที่กำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับเจ๊อ้อยดีเพื่อไม่ให้ปากสว่างไปบอกกับใครต่อใคร

ญาดากดโทรศัพท์หาเจ๊อ้อยแล้วรอฟังเสียงปลายสาย ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่เรียก
“แม่นะแม่ดันปิดโทรศัพท์อีก”
ญาดาลองกดใหม่อีกทียังเป็นเสียงสัญญาณหมือนเดิม ญาดาวางสายแล้วถอนใจ
“เฮ้อ แม่ชั้น ไปแอบอู้อยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย”

ภายในห้องนภา เจ๊อ้อยเปิดตู้ หยิบกระเป๋าใส่เงินลากออกมาเปิดให้ปารมีดู ปารมีมองนิ่ง
“เป็นไงคะ ตะลึงใช่มั้ยคะ เห็นรึยังว่าอ้อยไม่ได้โกหก คุณแม่คุณต้องไปขโมยเงินใครมาแน่ๆ”
“เอาล่ะ ชั้นจะไม่จับแกส่งตำรวจ แต่แกต้องสัญญาว่าแกจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“อะไรกันคะเงินตั้งเยอะแยะ คุณปารมีจะให้อ้อยสัญญาแค่ปากเปล่าหรือคะ” เจ๊อ้อยถาม
“แล้วแกต้องการอะไร”
“แหม ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเงินตั้งเยอะ แบ่งให้อ้อยใช้ซักล้านสองล้านคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
ปารมีมองเจ๊อ้อยอย่างใช้ความคิด
“ก็ตามใจนะคะ ถ้าคุณปารมีไม่อยากให้อ้อย อ้อยจะได้บอกให้ตำรวจเค้าตรวจสอบว่าทำไมคุณแม่คุณถึงมีเงินซ่อนอยู่ในบ้านเยอะขนาดนี้”
ปารมีตัดสินใจ
“ก็ได้ ชั้นจะแบ่งให้แกสองล้าน”
“สามล้านแล้วกันค่ะ” เจ๊อ้อยต่อรอง
“แกนี่มันไม่รู้จักพอจริงๆนะ ได้สองจะเอาสาม ได้ ชั้นให้แกสามล้าน”
“มันต้องอย่างนี้สิคะ งั้นอ้อยขอยืมกระเป๋าใส่เงินซักใบนะคะ”
อ้อยเดินไปหยิบกระเป๋าผ้าใบย่อมออกมาจากตู้แล้วหยิบเงินจากกระเป๋า ปารมีส่งสายตาไปรอบๆห้องเห็นสายเข็มขัดเส้นหนึ่งวางพาดอยู่บนเก้าอี้
เจ๊อ้อยกำลังมีความสุข ตื่นเต้นไปกับการหยิบเงินขึ้นนับตามจำนวน
“หนึ่งแสน สองแสน สามแสน สี่แสน”
ปารมีเดินไปหยิบเข็มขัดขึ้นมาม้วนใส่มือทั้งสองข้างแล้วเดินเข้าไปหาอ้อยทางด้านหลัง เจ๊อ้อยยังคงนับเงินใส่กระเป๋าอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินไม่ทันระวังตัว
ปารมีเดินเข้าไปใกล้ เจ๊อ้อยนับเงิน
“ล้านห้า ... ล้านหก... ล้านเจ็ด”
ปารมีหยุดด้านหลังของเจ๊อ้อยแล้วตวัดเข็มขัดรัดคอ เจ๊อ้อยดิ้นพยามดึงเข็มขัดที่รัดคอออก ปารมีออกแรงดึงรัดอย่างเต็มที่ เจ๊อ้อยหมดลม ตาเหลือกทรุดลงกองกับพื้น
ปารมีก้มลงแตะจมูกเจ๊อ้อยเพื่อให้แน่ใจว่า เจ๊อ้อยขาดใจตายต่อหน้า ปารมีหายใจหอบด้วยแววตาโหดเหี้ยมน่ากลัว
“คนอย่างแกไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก”
นภาเปิดประตูเข้ามาเห็นปารมียืนอยู่ในห้อง และมีศพอ้อยนอนตาค้างอยู่ข้างๆ
“ยัยปา นี่มันอะไรกัน ทำไมนังอ้อยมานอนอยู่นี่”
นภามองเห็นเงินซึ่งตกอยู่กับพื้น
“นังอ้อยมันอยากได้เงินที่แม่ซ่อนไว้ หนูก็เลยจัดการมันซะ” ปารมีบอก
“จัดการ หมายความว่าไงลูก อย่าบอกนะว่าลูกฆ่ามัน”
“ใช่ค่ะ”
นภาตกใจเพราะคิดไม่ถึง
“หา.. จริงหรือลูก”
“ค่ะ ถ้าหนูไม่ฆ่ามัน มันจะไปบอกใครๆว่าแม่ซ่อนเงินไว้ในห้องนี้”
“แต่แม่ว่าลูกไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย”
“ทำไมแม่พูดแบบนี้ที่หนูทำก็เพื่อปกป้องแม่นะคะ หรือแม่อยากให้คุณปู่รู้ว่า แม่ขโมยเงินคุณปู่มาตลอดหลายปี”
นภาอึ้งไปไม่คิดว่าปารมีจะรู้เรื่องนี้
“แม่คิดว่าหนูไม่รู้ใช่มั้ยว่าดึกๆแม่ลุกไปทำอะไรที่ตึกใหญ่”
“แต่ถึงยังไงมันน่าจะมีวิธีอื่นนะลูก ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่ามัน ถ้าใครรู้เข้าเราจะเดือดร้อนนะ”
“เราเดือดร้อนตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่ไปขโมยเงินคุณปู่แล้วล่ะค่ะ ถ้าแม่ไม่ขโมยเงินมาหนูก็ไม่ต้องฆ่า
มัน”
นภาอึ้งไปที่ได้ยินคำพูดจากปารมี
“หนูว่าแม่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย แม่มาช่วยหนูจัดการกับศพนังอ้อยก่อนดีกว่า แม่มัดมือมัดเท้ามันนะ เดี๋ยวหนูจะไปหากระเป๋าใบใหญ่ๆมาใส่ศพมัน”
ปารมีเดินออก นภามองศพอ้อยอย่างอึ้ง ตะลึง และผิดหวัง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของลูกในไส้
“ทำไมยัยปาถึงอำมหิตโหดเหี้ยมแบบนี้”

ญาดาเดินเข้ามาที่ครัวคนงานแล้วถามป้านวลกำลังทำงานอยู่ในครัว
“ป้านวล น้าอ้อยอยู่แถวนี้มั้ย
“ไม่อยู่ค่ะ ป้าไม่เห็นหน้าตั้งแต่บ่ายแล้ว ข้าวเที่ยงก็ไม่มากินไม่รู้ไปไหน”
“หรือว่าไม่สบาย ชั้นไปดูที่บ้านพักดีกว่า”
“ไม่มีค่ะคุณตาล นังมะยมไปดูแล้วไม่เจอตัว”
“แล้วเค้าไม่บอกใครหรือว่าจะไปไหน”
“ล่าสุดที่เจอหน้ากันก็เห็นว่าไปทำงานบ้านคุณนภานะคะ แต่เห็นว่าคุณนภาก็ตามหาตัวอยู่เหมือนกัน คุณตาลมีอะไรกับนังอ้อยรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าเจอจะบอกให้”
“เปล่าจ้ะไม่มีอะไร แค่จะถามอะไรแกสองสามคำ”
ป้านวลมองตามญาดาที่เดินออกไปอย่างไม่ได้ติดใจอะไร ญาดาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
“หรือว่าแม่จะหนีไปแล้ว”
เสียงโทรศัพท์มือถือญาดาดังขึ้นพอดี
“ค่ะคุณภู”
ธาวินพูดโทรศัพท์ อยู่ในห้องนอน
“ตาลอยู่ไหน นี่จะได้เวลาไปงานศพแล้วนะ”
“ค่ะค่ะ เดี๋ยวตาลจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”

อ่านละคร เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 41

ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทประพันธ์ : อรพิม
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก บทโทรทัศน์ : วิลักษณา
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก กำกับการแสดง : คฑาเทพ ไทยวานิช
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ผลิตโดย : ยุวดี ไทยหิรัญ บริษัทยูม่า 99 จำกัด
เล่ห์ร้อยรัก นำแสดงโดย : เข็มอัปสร สิริสุขะ,วรินทร ปัญหกาญจน์,วรฤทธิ์ ไวยเจียรนันท์
ละครเรื่อง เล่ห์ร้อยรัก ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ช่อง 3
ที่มา manager.co.th