อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 6
ต่อรองกันไปมา ตุ๊เสนอว่า งั้นก็เอาแค่พอรักษาหน้าไม่ให้แตกก็พอ สักห้าหมื่นเป็นไง? ทองประศรีกลัวไม่ได้แต่งลดลงมาเหลือสามหมื่น น้าแก้วก็ยังบอกว่าแพงไป ในที่สุดยรรยงทำบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรอ่านให้ฟังกันว่า“...ฝ่ายหญิงยินยอมที่จะไม่รับเงินค่านํ้านม 5 แสนบาท เหลือเพียงเงินที่ใช้ในการแต่งงาน ซึ่งเดิมเรียกไปสองแสนต่อรองกันไปมาแล้วเหลือหมื่นเดียว สรุปยอดที่ทางฝ่ายหญิงเสนอมาทั้งหมด 7 แสนลดเหลือ 1 หมื่นบาท” บรรยงอ่านแล้วถามว่ามีใครคัดค้านไหม ทุกคนนั่งเงียบ บรรยงจึงสรุปว่า “ถ้าอย่างนี้ก็เป็นอันตกลงด้วยดีตามนี้นะครับ”
“แต่ผมบอกก่อนนะครับว่าผมจดทะเบียนสมรสด้วยไม่ได้ เพราะผมจะไม่จดทะเบียนสมรสซ้อน ผมมีเมียอยู่แล้วที่ปากช่อง เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”
เจอไม้นี้ของอาทิจ พวกสิงห์ทองก็มองหน้ากันไปมา
ในที่สุดพวกสิงห์ทองก็ต้องยอมคิดว่ากำขี้ดีกว่ากำตด แต่สิงห์ทองยังมีข้อแม้ว่า ถ้าทองประศรีมีลูก อาทิจต้องจดทะเบียนรับรองบุตร
เมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว คุณย่านั่งนิ่ง แววตา
หม่นหมองเหมือนความหวังอะไรบางอย่างพังทลายไปต่อหน้าแล้ว...
ooooooo
จากวันนั้น อาทิจก็เงียบขรึม เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่พูดไม่จากับใคร จนน้าแก้วบ่นกับคุณย่าว่า ไม่รู้อาทิจคิดอะไรอยู่ คุยด้วยร้อยคำก็ตอบเพียงคำสองคำ พวกคนงานก็พากันกลัวไม่กล้าเซ้าซี้
“ยังดีนะคะที่อุตส่าห์กุเรื่องเมียที่ปากช่องขึ้นมาอ้าง ถ้าต้องแต่งงานแล้วตีทะเบียนด้วยละก็ คุณอาทิจอาจจะเงียบจนเป็นใบ้ไปเลยก็ได้ อ้อ...ตอนจะกลับเข้าสวน แก้วเห็นเขาคุยกับตาเกร็งว่า ส่งส้มเสร็จจะเข้าไป รดน้ำผัก ไอ้สามลิงนั่นจะขอตามไปช่วย คุณอาทิจก็ห้าม บอกว่าจะทำเอง เฮ้อ...แก้วล่ะเหนื่อยแทน”
“เขาคงไม่อยากคิดอะไร เลยทำตัวให้ยุ่งๆทั้งวัน ก็เหมือนฉันนี่ไง ถ้าไม่หาอะไรทำให้มือไม่ว่างก็คงจะอดคิดสงสารหลานไม่ได้ เฮ้อ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะนะ” คุณย่าถอนหายใจปลงๆ
“แต่ทำทุกอย่างเองคนเดียวอย่างนั้น มันจะไม่เหนื่อยจนรากแตกหรือคะคุณย่า”
ดรุณีนั่งฟังเงียบๆ แต่ในใจคิดอะไรบางอย่าง บ่ายวันนี้เธอจึงไปรดน้ำผักให้อาทิจ รดน้ำไปร้องเพลงกล่อมผักและเต้นยึกยักอย่างเบิกบานใจ ไม่รู้ว่าอาทิจมายืนมองอยู่ พอรู้ตัวก็เขิน
“ขอบใจที่อุตส่าห์มาช่วยผมรดน้ำผัก”
“ถ้าคุณย่าไม่ใช้ให้มา ฉันก็คงไม่เสียเวลามา”
“ครับ...ผมทราบ...ยังไงคุณก็ไม่มีวันจะช่วยผมอย่างตั้งใจหรือเต็มใจ ต่อไปนี้ผมจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า สิ่งที่คุณทำให้ผม มาจากคำสั่งของคุณย่าเท่านั้น” พูดแล้วเดินไปรดน้ำผักอีกมุมหนึ่ง
ดรุณีหาทางแกล้งแหย่ให้เขาพูดคุยด้วย แต่เขาก็ยังเงียบขรึม เลยแกล้งฉีดน้ำใส่ เขาก็เพียงแต่หันมองแล้วหันไปรดน้ำต่อ เธอยั่วจนเขาหันมาฉีดน้ำใส่บ้าง
ขณะนั้นเอง จิ๋วแจ๋วมาบอกอาทิจว่าคุณย่าให้ไปหาที่บ้าน เพราะนายสิงห์ทองยกขบวนมาอีกแล้ว
ทั้งนี้เพราะสิงห์ทองบอกทองประศรีให้แอบยักที่ของคุณย่าไว้ให้เยอะๆ เพราะที่เดี๋ยวนี้แพงยิ่งกว่าทอง คำมายุว่า ถ้าจะเอาต้องทำเลย เพราะโบราณสองไว้ว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนมันร้อน แล้วสามพ่อแม่ลูกก็แห่กันไปบ้านคุณย่าอีกครั้งเพื่อร่นวันแต่งงานให้เร็วขึ้น คุณย่าจึงให้จิ๋วแจ๋วไปตามอาทิจมาเจรจา
ooooooo
สิงห์ทองมายื่นเงื่อนไขให้จัดงานแต่ง พรุ่งนี้เลย น้าแก้วถามว่าจะรีบไปทำไม คำมาบอกว่า กลัวอาทิจหนีแล้วทองประศรีจะฆ่าตัวตาย
น้าแก้วโต้เถียงกับสิงห์ทอง คำมาและทองประศรีอยู่นาน อาทิจตัดบทว่า ตามใจเขาเถอะจะแต่งวันนี้พรุ่งนี้หรือปีหน้าก็ต้องแต่งอยู่ดี
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ ผมขอเบิกเงินหมื่นหนึ่งตามสัญญาที่ตกลงกันไว้เลยนะคุณย่า จะเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานน่ะ” สิงห์ทองทวงทันที
คุณย่าได้แต่ทำหน้าละเหี่ยใจกับความงกของคนบ้านนี้
เมื่อพวกสิงห์ทองกลับไปแล้ว น้าแก้วเสนอว่าให้อาทิจหนีไปเลยดีไหม คุณย่าถามว่า ถ้าเขาหนีไปมันจะดีกว่านี้ไหม
“ผมไม่หนีหรอกครับคุณย่า ผมไม่อยากให้ที่บ้านไม่สบายใจ อีกอย่างถ้าผมไม่อยู่นี่ โอกาสที่จะได้ทำงานบนที่ดินของตัวเองอย่างที่ฝันไว้มันคงเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย”
“ยังจะคิดเรื่องงานได้อีกนะคะ” น้าแก้วสะเทือนใจจนเสียงเครือ
“เหตุผลสำคัญที่สุดอีกข้อก็คือ ผมไม่อยากตัดโอกาสตัวเอง ถ้าผมหนีผมกลายเป็นคนที่ต้องมีชนักปักหลังไปตลอดชีวิต หมดโอกาสจะได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมข่มเหงผู้หญิงนั้นจริงรึเปล่า”
คุณย่าถามว่าแล้วจะไปหาซื้อเสื้อผ้าในเมืองไหม อาทิจไม่เอา เพราะเงินหนึ่งหมื่นที่คุณย่าให้ไปก็ถือเป็นพระคุณมากแล้ว ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้นตนไม่ห่วง เพราะมันก็เป็นแค่วันทำงานวันหนึ่งของตนเท่านั้น แล้วเปลี่ยนเรื่องขอคุณย่าว่า
“คุณย่าครับ ถ้าผมจะขออนุญาตคุณย่าปลูกข้าวโพดกับกะหล่ำปลีเพิ่มอีกจะได้ไหมครับ ถ้าคุณย่า... เอ่อ...จะกรุณาไว้ใจผม” คุณย่าถามอย่างเป็นห่วงว่ามันจะไม่หนักไปหรือ “ผมอยากทำงานให้หนักให้เหนื่อย เวลานอนจะได้หลับสนิท ไม่ต้องคิดอะไรครับ”
คุณย่าถามว่าทำไมถึงอยากปลูกข้าวโพดกับกะหล่ำปลี
อาทิจบอกว่า ข้าวโพดใช้เวลาไม่นาน ส่วนกะหล่ำปลี ตนจะเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม หาพันธุ์ดีๆใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะได้กะหล่ำปลีคุณภาพดี ยิ่งน้ำหนักมาก ราคาก็ยิ่งดี เขาเรียกว่ากะหล่ำปลียักษ์
“เอา...ถ้างั้นก็มองหาทำเลเอา ถ้าพ่อเห็นว่าตรงไหนที่ยังเป็นที่ดินว่างๆ และเหมาะที่จะทำก็มาบอกย่าแล้วกัน” แล้วหันบอกดรุณีว่าควรไปดูที่กับอาทิจด้วย จะได้เรียนรู้งานเอาไว้ แล้วถามว่า “เมื่อกี้ไปไหนมาล่ะ ย่าจะให้ไปตามพี่เขาที่แปลงผักก็ไม่เห็น ต้องวาน
จิ๋วแจ๋วไปแทน”
ดรุณีอึกอักตอบไม่ออก จิ๋วแจ๋วปากไวตอบแทนว่า “คุณณีก็อยู่ที่แปลงผักไงคะคุณย่า ตอนจิ๋วแจ๋วไปถึงเห็นคุณณีช่วยคุณอาทิจรดน้ำผักอยู่ค่ะ”
“เออ...รู้จักไปช่วยพี่เขาบ้างก็ดี อะไรที่พอจะช่วยได้ก็ต้องช่วย ไม่ต้องรอให้ย่าสั่ง”
ดรุณีทำหน้าไม่ถูก ในขณะที่อาทิจนึกในใจว่า “ไหนเมื่อกี้บอกว่าคุณย่าสั่งให้ไปช่วยไง???” แต่ไม่ถามให้เสียหน้า
ooooooo
พอกลับถึงบ้าน สิงห์ทองกับคำมาก็ป่าวประกาศเชิญชวนชาวบ้านมางานแต่งงานของทองประศรีกับหลานรักของคุณย่าแดงเจ้าของที่ดินหลายพันไร่ สิงห์-ทองป่าวประกาศเชิญทุกคนมาร่วมงานนี้ด้วย
ฝ่ายวิไลลักษณ์กับประเวทย์ต่างอ้างว่าติดงานพรุ่งนี้ไม่สามารถไปงานแต่งของอาทิจได้ ประเวทย์ถามคุณย่าว่าจะไปเป็นประธานในงานหรือเปล่า
“ไม่หรอก แม่บอกพ่ออาทิจแล้วว่าแม่ไม่อยากฝืนตัวเอง ถ้ายังรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อประเวทย์ แม่ก็จะฝืนทำอะไรตรงข้ามกับใจตัวเองได้บ้าง แต่นี่แม่แก่แล้ว”
วิยะดาบอกว่าตนว่าง พรุ่งนี้จะแต่งตัวประชันเอาให้เจ้าสาวจืดไปเลย เวทางค์พูดต่ออย่างสะใจว่า
“ผมก็ว่างครับคุณย่า ผมอยากมาดูน้ำหน้า เอ๊ย...ดูหน้าเจ้าบ่าวเขาหน่อยว่าเขาแฮปปี้ขนาดไหน ไปด้วยกันนะจ๊ะน้องณี”
ดรุณีฝืนยิ้ม เพราะเอือมระอากับแม่ลูกแก๊งนี้เต็มทีแล้ว...
ooooooo
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 7
พรุ่งนี้จะแต่งงานอยู่แล้ว แต่ค่ำนี้อาทิจยังไปขออนุญาตคุณย่าเบิกเงินไปซื้อพันธุ์ข้าวโพดและกะหล่ำปลีเผื่อพรุ่งนี้คุณย่าอาจจะไปทำธุระที่ไหนคุณย่าเกรงว่าอาทิจจะกลับมาไม่ทันพิธีแต่งงาน บอกให้เอาเกร็งไปด้วย เพราะเกร็งจะรู้แหล่งซื้อ ย้ำให้รีบไปรีบกลับก็แล้วกัน คุณย่าเห็นมีเสื้อวางอยู่ข้างตัวอาทิจ ถามว่าเสื้ออะไร อาทิจบอกว่าเป็นเสื้อตัวโปรดของตน ไม่ทราบโดนอะไรขาดเป็นรู
คุณย่าจึงให้ดุรณีชุนให้ เพราะคุณย่าเองก็สายตาไม่ดีแล้วอาจจะชุนได้ไม่ละเอียด น้าแก้วจัดแจงเอาเสื้อส่งให้ดรุณีบอกว่าชุนให้เนี้ยบเลยนะ
ดรุณีรับเสื้ออาทิจไปวางไว้ข้างตัวเหมือนไม่สนใจ พอกลางคืนเอาเสื้อมาชุนก็ทำกระแทกกระทั้นใส่เสื้อ บ่นอุบอิบ
“ปากก็บอกไม่อยากแต่ง ไม่รักไม่ชอบเขา แต่รีบงัดเสื้อออกมาให้ซ่อมเชียว...เตรียมใส่พรุ่งนี้ล่ะสิ โธ่เอ๊ย...นึกว่าฉันไม่รู้ไต๋รึไง ใจนายน่ะ ลอยไปอยู่กับเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”
ส่วนอาทิจ ออกจากบ้านคุณย่าแล้วก็เดินบ่นมาอย่างไม่สบายใจว่า
“ไม่น่าเล้ยเรา...เขายิ่งไม่ชอบหน้า ดันหางานไปให้เขาทำ” ให้เขาเกลียดเพิ่มขึ้นอีกจนได้ แค่นี้เขายังเกลียดนายไม่พอรึไง? เฮ้อ...อาทิจนะ...อาทิจ...”
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ต๊อดที่นอนอยู่กับอาทิจตื่นเต้นราวกับจะได้เป็นเจ้าบ่าวเสียเอง คอยเร่งอาทิจให้อาบน้ำแต่งตัว อาทิจไม่พูดอะไร คว้าเสื้อยีนตัวโปรดได้ก็เข้าห้องน้ำ
ที่บ้านทองประศรี เจ้าตัวตื่นมาแต่งตัวแต่ไก่โห่ สิงห์ทองกับคำมาคอยกำกับอยู่อย่างตื่นเต้น ส่วนบรรยงมานั่งตาละห้อย พูดแบบหมาหยอกไก่กับประภาศรีว่า ถ้าวันไหนอาทิจไม่ดีด้วยก็อย่าลืมว่าตนจ่อคิวคอยอยู่
ที่บ้านคุณย่า ทั้งคุณย่า น้าแก้ว และดรุณีกำลังเตรียมจะออกจากบ้านเช่นกัน เมื่ออาทิจใส่เสื้อยีนตัวโปรดเดินเข้ามาในบ้าน คุณย่าพูดอย่างเมตตาว่า
“ย่าไปร่วมงานด้วยไม่ได้นะพ่อ พอดีทางชมรมเกษตรของอำเภอเขามีจดหมายมาเชิญย่าไปร่วมสัมมนากับเขาน่ะ”
น้าแก้วบอกว่า ตนก็ต้องไปเตรียมกับข้าวให้คนงาน ส่วนดรุณีนั้น คุณย่าบอกว่าขอติดรถไปซื้อหนังสือในเมือง แต่จะให้คนพากลับมาก่อน อาจจะทันไปช่วยงานอาทิจในช่วงเย็นได้
“ตามสบายเถอะครับ ผมทราบว่าทุกคนมีธุระสำคัญที่ต้องทำ ผมมานี่ก็เพื่อจะขอกุญแจรถกระบะไปซื้อของตามที่เรียนคุณย่าไว้น่ะครับ”
คุณย่าเร่งน้าแก้วให้ไปหยิบกุญแจรถให้ เกรงอาทิจไปสายกลับช้าทางโน้นเขาจะรอ อาทิจหันมาสบตาดรุณีพอดี เลยขอบคุณที่ชุนเสื้อให้ชมว่าเรียบร้อยมาก
“คุณย่าสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำอย่างเรียบร้อย ไม่งั้นก็โดนดุแย่สิ” ดรุณีพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย
คุณย่า อาทิจ น้าแก้ว และดรุณีเดินออกมา ก็เจอ กับขบวนแห่ขันหมากที่มีต๊อด อึ่ง พัน และเพื่อนๆ แบกอ้อย แบกกล้วย แห่กันมาอย่างครึกครื้น เชิญเจ้าบ่าวมานำหน้าขบวน
“ไปเถอะพ่อ...ย่าขออวยพรให้ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ของพ่อในวันนี้ เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังแรงใจ ขอให้พ่อเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าก้าวแรกของพ่อมั่นคงแข็งแกร่ง ก้าวต่อไปก็จะแข็งแกร่งและมั่นคงตามกัน...นะพ่อนะ”
อาทิจก้มกราบแทบเท้าคุณย่า พูดอย่างซาบซึ้งว่า “ผมขอน้อมรับคำอวยพรของคุณย่าไว้เป็นมงคลกับชีวิตและการทำงานของผม ขอบพระคุณมากนะครับ ที่ให้โอกาสผมในการเริ่มต้นชีวิตใหม่”
สามเกลอและเพื่อนๆพากันเฮลั่นกับความตั้งใจมุ่งมั่นของอาทิจ แต่พอจะให้เข้าขบวนขันหมาก เขากลับบอกว่า
“ผมต้องไปซื้อของมาเตรียมปลูกผัก ปลูกข้าวโพด ไม่มีเวลาไปร่วมงานหรอกครับ อีกอย่างผมก็ไม่เคยพูดว่าผมจะไปร่วมงาน ไป...ลุงเกร็ง เดี๋ยวจะสาย” อาทิจหันไหว้ลาคุณย่า คุณย่าพยักหน้าอึ้งๆ น้าแก้วทำหน้าเหวอแต่แอบสะใจอยู่ลึกๆ
พวกขบวนขันหมากยืนค้าง ต่างเหวอไปตามกัน
ooooooo
ที่ร้านทองประศรี กำลังเตรียมงานกันอย่างคึกคัก ชาวบ้านทยอยกันมามากขึ้นทุกที แต่ละคนล้วนอยากเห็นหน้าเจ้าบ่าวที่เป็นหลานย่าแดงเจ้าของสวนส้มและที่ดินนับพันไร่
การรอคอยที่ยาวนาน ทำให้แขกเริ่มบ่น และทองประศรีที่ยิ้มหวานหน้าบานเป็นกระด้งแต่เช้า ก็ยิ้มจนเหงือกแห้งหน้าเฉา บอกให้ทองประสานกับทองประสมโทร.หาอาทิจ ทั้งสองก็ไม่มีเบอร์โทร. ตุ๊รู้ดีบอกว่าอาทิจไม่ได้ใช้มือถือ
ทันใดนั้น เสียงโห่ฮิ้วและกลองยาวของขบวนขันหมากที่คึกคักก็แว่ว ทุกคนยิ้มดีใจ ชาวบ้านกรูกันออกไปชะเง้อดูเจ้าบ่าว สิงห์ทองมองไปก็เริ่มหน้าเสียแต่ยังปั้นหน้ายิ้มเชิญทุกคนไปที่เต็นท์ด้านนอกกันเลยดีกว่า เดี๋ยวเจ้าบ่าวมาถึงจะได้ตักบาตรกันเลย
พอขบวนมาถึง สิงห์ทองกับคำมาปราดไปหาต๊อดถามว่า “ไอ้หลานคุณย่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?!”
“ติดธุระ มาไม่ได้ มาได้แต่ขบวนแห่” ต๊อดบอก คำมาฮึดฮัดไม่ยอม อึ่งถามว่าไม่ยอมแล้วจะทำยังไง ถ้าจะไล่กลับพวกตนก็จะกลับเดี๋ยวนี้เลย
บรรยงเสนอว่า ถ้าจะขายผ้าเอาหน้ารอด ก็ให้เอาใครก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าบ่าวแทนไปก่อน ต๊อด อึ่ง และพันแย่งกันเสนอตัว
ทองประศรีไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนในละแวกนี้รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ใครเขาจะเชื่อ
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 6-7 วันที่ 5 กรกฎาคม 2555
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุลที่มา ไทยรัฐออนไลน์