หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 7-8 วันที่ 7 กรกฎาคม 2555

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 7

“เขาไม่มอง เราก็ต้องทำให้เขามองเราให้ได้” ชี้ลงไปจะจะว่า “เขารักใคร เกรงใจใคร ก็ไปหาคนนั้นสิ”

ooooooo
อาทิจประคองคุณย่าเดินไปตามเนินที่สวยงามบนผืนดินที่จะปลูกกะหล่ำปลียักษ์ ถามคุณย่าว่าเดินไหวไหม


“ไหวสิพ่อ ย่าซื้อที่เอาไว้เยอะ ใครเดือดร้อนเอามาขาย ย่าก็ซื้อไว้ เพราะตัวเองชอบทำเกษตร เลยคิดว่ายังไงมันก็คงได้ใช้ประโยชน์ ปลูกนั่นนี่ให้คนได้กินยันยังคำ ย่าไม่ได้ขึ้นมาที่นี่เสียนาน...นานจนลืมไปเลยว่า เราก็มีที่สวยๆบนเนินกับเขาเหมือนกัน”

“ที่ผมเลือกที่นี่ก็เพราะอากาศบนนี้เย็นตลอดทั้งปี แล้วดินก็เป็นดินร่วนปนทราย ทำให้ระบายนํ้าได้ดี กะปลํ่าปลีชอบอากาศกับดินแบบนี้ครับ ถ้าดูแลดีๆก็จะได้นํ้าหนักต่อหัวมากกว่า 3 กิโลครับคุณย่า”

“ต้องเพาะกล้าไว้ก่อนรึเปล่าล่ะ”

“ครับ ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณย่าเห็นด้วยว่าจะให้ปลูกที่นี่ได้ ผมก็จะเอาแทรกเตอร์มาไถดินให้ลึกสัก 20 เซน แล้วก็เอาปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกมาลงรองพื้นไว้เลยนะครับ”

“เอาสิ ถ้าพ่อเห็นว่าเหมาะสมก็ลงมือได้เลย”

“ขอบพระคุณนะครับคุณย่า ที่ให้โอกาสผมได้ลุกขึ้นยืน ให้ที่ผมได้หายใจอีกครั้ง ผมคงไม่กล้ารับปากว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดในการทำงานขึ้นอีก แต่ผมจะทำอย่างตั้งใจ ทำอย่างสุดความสามารถครับคุณย่า”

“ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดในชีวิตหรอกลูก อยู่ที่ว่าเราเอาความผิดพลาดนั้นมาปรับใช้ให้เป็นบทเรียนรึเปล่า ทำพลาดครั้งหนึ่งแล้วต้องพยายามไม่ให้พลาดซํ้าในเรื่องเดิมเป็นครั้งที่สอง เขาถึงจะเรียกว่า ผิดเป็นครู”

“ผมจะจำคำสอนของคุณย่าไว้ให้ขึ้นใจครับ”

“ย่าชอบคนตั้งใจทำงาน เพราะฉะนั้นขาดเหลืออะไรก็ให้บอกย่า”

“ตอนที่ผมไม่ได้เรียนต่อ ผมรู้สึกเสียใจมาก แต่ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกว่าผมตัดสินใจถูกที่ออกมาทำงาน เพราะงานที่ผมทำมันคือห้องเรียนที่ผมจะเรียนรู้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น ผมดีใจที่มีคุณย่าเป็นครูที่ทุ่มเททั้งกายใจสอนผมให้รู้จักคุณค่าของแผ่นดิน รู้จักผืนดินที่เป็นที่ทำกินของเรา คุณย่าทำให้ผมไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรเลยตั้งแต่ได้มาอยู่ที่นี่ ขอบพระคุณมากครับ” อาทิจก้มกราบที่ตักคุณย่าด้วยความเคารพ ศรัทธา บูชาจากใจ

คุณย่าเอาสองมือประคองหน้าอาทิจ มองเขาเต็มตา อยากจะบอกเหลือเกินว่า ท่านภูมิใจในตัวเขามากเพียงใด...

ooooooo

คำยุยงปลุกปั้นของตุ๊ ทำให้วันนี้ ทองประศรี พาสิงห์ทองและคำมาไปหาคุณย่าที่บ้านอีกครั้ง อาทิจเพิ่งพาคุณย่ากลับมา จิ๋วแจ๋วก็วิ่งหน้าตั้งมาบอกว่า สิงห์ทองพาครอบครัวมาอีกแล้ว

คุณย่าและอาทิจจึงไปพบทองประศรีและพ่อแม่เธอที่หน้าบ้าน น้าแก้วบอกว่าคุณย่ากับอาทิจมาแล้ว มีอะไรก็ว่ามาเลย

“นังหนูมันอายเขา งานแต่งเจ้าบ่าวก็ไม่มา งานเลี้ยงก็ไม่โผล่ แถมยังไม่มาเข้าหออีกต่างหาก” คำมาโพล่งขึ้นก่อน

อาทิจบอกว่าตนไม่ว่าง สิงห์ทองสวนไปทันทีว่ากลางวันไม่ว่างก็ไม่ว่ากัน แต่ทำไมกลางคืนถึงไม่กลับไปที่ร้านบ้าง ชาวบ้านจะได้นินทาไม่ได้

อาทิจบอกว่าตนไม่ว่าง ถ้าว่างเมื่อไรก็จะไป สิงห์ทองคาดคั้นว่าเมื่อไหร่

“ยังไม่รู้เหมือนกัน ผมเป็นคนชอบทำงานเสียด้วยเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างกับใครเขา” แล้วพูดกับทองประศรีว่า “ฉันว่าเธออยู่ของเธอไปตามสบายดีกว่า อย่ากังวลเรื่องฉันนักเลย แล้วก็อย่าไปรบกวนพ่อแม่ให้มากนัก ฉันเองก็เกรงใจคุณย่าจะแย่อยู่แล้ว จำไว้เลยนะ ไม่ต้องมาตามอีก”

ทองประศรีเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮๆ หันไปอ้อนวอนคุณย่าช่วยบังคับอาทิจให้รับผิดชอบด้วย คุณย่าบอกว่าเรื่องนี้ตนบังคับใครไม่ได้ คำมาดูท่าคุณย่าไม่ช่วยแน่ จึงเสนอว่า เมื่ออาทิจไม่ไปที่ร้านก็ให้ทองประศรีมาอยู่กับอาทิจที่นี่ ซึ่งคุณย่าก็ไม่ขัดข้อง บอกว่าอาทิจมีบ้านอยู่เป็นส่วนตัว อยากมาก็ตามใจ ไม่มีใครไปวุ่นวายอยู่แล้ว

คำมาถามอีกว่า แล้วถ้าเมียทางปากช่องของอาทิจ มาวุ่นวายจะทำอย่างไร คุณย่าบอกว่าเรื่องนี้ต้องไปตกลงกันเอง คำมาก้าวร้าวหาว่าคุณย่าพูดไม่เป็นผู้ใหญ่ โทษว่าที่อาทิจไม่ไปเข้าหอก็เพราะคุณย่ายุยง

“แกอวดดียังไงมาว่าฉัน ถ้าฉันไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเสียที ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแล้ว จะเอาอะไรก็ให้ทั้งนั้น แล้วจะเอายังไงอีก”

คุณย่าไล่ตะเพิดแล้วกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับดรุณีและน้าแก้ว

ตกเย็น ดรุณีปั่นจักรยานไปเรียกอาทิจที่แปลงผักสลัดให้ไปกินข้าวกับแกงหองที่คุณย่าอุตส่าห์ทำเอง

ทีแรกอาทิจไม่อยากไป บอกว่าจะอยู่กินกับสามเกลอที่สวน แต่ถูกสามเกลอท้วงติงว่า คุณย่าอุตส่าห์ทำเองควรจะไปกินอีกทั้งแกงหองอะไรนี่ แม้แต่ชื่อตนก็เพิ่งจะเคยได้ยิน บอกอาทิจว่าไปกินเสีย ถ้าเหลือก็อย่าลืมมุบมิบมาฝากกันบ้าง

อาทิจจึงตัดสินใจไป เกร็งบอกให้อาทิจขี่จักรยานให้ดรุณีซ้อนจะได้ไปถึงไว พอดรุณีขึ้นซ้อนท้าย พันมองแล้วก็บ่นกันเองว่า “ทำไมไม่เป็นคู่นี้วะ สวนคุณย่ามีเฮแน่เลย”

ooooooo

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 8

ระหว่างซ้อนท้ายจักรยานมา ดรุณีจินตนาการถึงตอนรถลงเนิน แล้วตัวเองต้องกระแทกเข้าที่แผ่นหลังของอาทิจ หน้าก็คงต้องซบหลังเขาและถ้าจะตกก็คงต้องกอดเขาไว้แน่น คิดแล้วก็ทำหน้าสยอง ร้องโวยวายให้เขาจอดและลงจากรถ ตนจะเป็นคนถีบเอง

อาทิจเปลี่ยนมาเป็นคนซ้อน แต่ดรุณีถีบไปได้อึดใจเดียวก็จินตนาการสลับกัน กลายเป็นอาทิจมาแนบแผ่นหลังตน หน้าซบหลังตนและกอดตนแน่นตอนรถลงเนิน คราวนี้ยิ่งสยอง จอดรถพรืดลงมาบอกว่า ขอคิดอีกทีว่าจะให้เขาถีบแล้วตนซ้อนดี หรือให้ตนถีบแล้วเขาซ้อนดี

ดรุณีนิ่งไปอึดใจ พอหันกลับมาอีกทีอาทิจก็เดินไปไกลแล้ว เธอบ่นตัวเองอย่างโล่งใจว่า

“ทำไมไม่คิดอย่างนี้เสียตั้งแต่แรกนะเรา”

กลับถึงบ้านก็นั่งกินข้าวเย็นกับคุณย่า อาทิจตักแกงหองราดข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาน้าแก้วยิ้มแป้น ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง

อาทิจบอกว่าอร่อยมาก ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยกินนี่แหละ บอกว่าชื่อแปลกดี หน้าตาก็คล้ายๆพะโล้ผสมแกงฮังเล คุณย่าเลยเล่าว่าช่วงนี้เห็นหน่อไม้ออกเยอะเลยให้น้าแก้วไปตัดมาซอยตากแห้ง ดรุณีเลยเอามาทำแกงหองเสียหม้อใหญ่ เพราะเป็นของโปรดของทั้งย่าและหลาน

“อ้าว...ผมเข้าใจว่าคุณย่าเป็นคนทำเสียอีก” อาทิจทำหน้างงๆ

เพราะปดอาทิจไว้ว่า คุณย่าทำเพื่อให้เขามากิน พอความลับแตกดรุณีเลยทำหน้าไม่ถูก แต่ก็เฉไฉไปจนได้ว่ายังไงเสียคุณย่าก็เป็นคนปรุงถือว่าเป็นคนทำนั่นแหละ แต่ตัวเองก็สาธยายทั้งเครื่องแกงและวิธีทำอย่างละเอียด จนอาทิจพูดกึ่งชมกึ่งแซวว่า “เชื่อแล้วครับว่าเป็นฝีมือคุณย่าน้อยทำคนเดียวจริงๆ”

คุณย่าหยอกว่า “ทั้งรสชาติหน้าตาพอจะเป็นแม่ศรีเรือนกับเขาได้เหมือนกันนะเรา” น้าแก้วยิ้มเต็มหน้าบอกว่า

“อย่างนี้เขาเรียกว่าเสน่ห์ปลายจวัก พ่อบ้านรักไปจนตาย แต่รายนี้เมื่อไหร่จะหาพ่อบ้านเจอกับเขาก็ไม่รู้”

“หนูไม่อยากจะหาเลย หนูจะเรียนๆๆๆอย่างเดียวให้จบไวๆ จะได้กลับมาช่วยงานคุณย่า เพราะถึงเวลานั้น ใครบางคนอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้” ดรุณีไม่วายเหน็บไปถึงคนข้างๆ อาทิจรู้ตัวหน้าขรึมทันที พูดเหมือนรู้สถานะตัวเองดีว่า

“คุณคงอยากให้ผมไปจากที่นี่เร็วๆ”

เลยโต้เถียงเล่นแง่กันไปมา จนคุณย่าตัดบทขึ้นว่า

“ย่าไม่เคยไล่ลูกหลานออกจากชายคาตัวเอง

สักครั้ง มีแต่ลูกหลานที่ไม่อยากอยู่ เขาหนีย่าไปเอง เพราะฉะนั้น พ่อไม่ต้องกังวลใจ ตราบใดที่พ่อยังอยากอยู่ที่นี่และย่ายังมีลมหายใจ พ่อจะอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ”

อาทิจมองหน้าคุณย่าอย่างซาบซึ้ง แต่พอละสายตาจากคุณย่าก็ปะทะกับตาเขียวปั้ดของดรุณี อาทิจนึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า...เพราะอะไร?

ooooooo

เวทางค์กับวิยะดาคุยกันอย่างออกรสเรื่อง

ไปดูคอนเสิร์ตและส่งนักร้องเกาหลีขึ้นเครื่อง วิไล-ลักษณ์ไล่ให้รีบอาบน้ำแล้วขึ้นนอนเสีย ประเวทย์บ่นเบื่อๆว่า

“เออ...เข้านอนแต่หัววันบ้างก็ดี จะได้พักตาพักสมอง พักหูบ้าง ไม่งั้น วันๆเอาแต่เล่นเกมส์ ฟังเพลงภาษาอะไรบ้างก็ไม่รู้ พ่อฟังแล้วปวดหัว”

อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 7-8 วันที่ 7 กรกฎาคม 2555
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์