อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 8
น้าแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาบอกคุณย่าว่าโล่งอกไปทีที่อาทิจไม่ยอมกลับมานอนกับแม่นั่น พูดอย่างคาดหมายว่า“เมื่อไหร่มันจะเบื่อรอคุณอาทิจแล้วกลับไปอยู่บ้านมันเสียทีก็ไม่รู้นะคะ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขาไม่สนใจก็ยังหน้าด้านหน้าทน ขนาดจิ๋วแจ๋วมันหลอกว่าที่บ้านคุณอาทิจมีผี มันยังไม่กลัวแถมหัวเราะใส่แก้วอีกต่างหาก”
“อย่าไปบังคับกะเกณฑ์อะไรใครเลย ถึงเวลาเขาทนไม่ได้ เขาก็ไปเองแหละ” คุณย่าติง
“ปล่อยเป็นภาระให้พระพรหมท่านลิขิตอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ หน้าด้านอย่างแม่นี่ มันต้องมีตัวช่วยให้ไปเร็วๆ”
แล้วน้าแก้วก็วางแผนให้จิ๋วแจ๋วกับต๊อดทำผีหลอกทองประศรี ทำเอาทองประศรีคลุมโปงตัวสั่นด้วยความกลัว
ต๊อดกับจิ๋วแจ๋วสะใจมาก หลอกทองประศรีแล้วไปหัวเราะกันคิกคัก แต่แล้วต่างก็ตกใจ เมื่อมีผีอีกสองตัวมาแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ข้างหน้า
ที่แท้อึ่งกับพันใส่หน้ากากผีมาหลอกสองคนนี้อีกที เพราะหมั่นไส้ที่ต๊อดแอบมาทำคะแนนจีบสาวไม่ชวนกัน
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ทองประศรีแจ้นกลับบ้านไปเล่าให้พ่อแม่และน้องๆ ฟังว่า เมื่อคืนถูกผีหลอก ทองประสานฟังแล้วฟันธงว่าต้องเป็นผีนางตะเคียนกับผีนางตานีแน่เลย เพราะได้ยินเขาร่ำลือกันมานานแล้วว่าบ้านนั้นผีดุ
ทองประศรีด่าน้องว่า รู้แล้วทำไมไม่บอกกัน ทองประสานสวนไปว่า “ถึงบอกพี่ก็ต้องไปเฝ้าผัวพี่อยู่ดี”
“ผัวมันอยู่บ้านให้ฉันเฝ้าเสียที่ไหน มีแต่ผี” ทอง– ประศรีฟึดฟัด บอกพ่อกับแม่ว่าไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว
คำมากับสิงห์ทองบอกว่า เราเสียเงินทองเสียเวลาไปมากแล้ว จะยอมขาดทุนง่ายๆไม่ได้ บอกว่าโลกนี้ไม่มีผีหรอก ถ้ามีก็ต้องหลอกอาทิจไปแล้ว
ตุ๊บอกทองประศรีว่าไม่ต้องกลัว ตนมีคาถาเด็ดให้ แล้วบอกทองประศรีให้พนมมือท่องตาม ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า
“อยากมีผัวก็ต้องไม่กลัวผี”
พอฟังคาถาเด็ด ทองประศรีก็ทิ้งมือลงอย่างหมดอาลัยตายอยากที่ในชีวิตจะมีผัวกับเขาทีก็ต้องมาเผชิญกับผีอีก
คุณย่ามารู้เอาตอนหลัง ดุน้าแก้วที่เป็นหัวโจกว่า ดีที่ทองประศรีไม่หัวใจวายตาย ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
ooooooo
หลังจากได้รับการอบรมจากคุณย่าแล้ว ดรุณีปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรวดเร็ว จริงจัง พอสอบเสร็จก็ลงสวนลงแปลงผัก ช่วยทำงานอย่างเอาการเอางาน
จากการทำงานร่วมกัน ทำให้ความสัมพันธ์...ความ รู้สึกที่ดรุณีและอาทิจมีต่อกันก็ดีวันดีคืน
ที่สวนส้ม...ทั้งสองช่วยกันเก็บส้ม บางครั้งก็ใจตรงกันจะเก็บส้มลูกเดียวกันจนต่างเกี่ยงให้อีกฝ่ายเก็บ สุดท้ายคุณย่าที่ดูอยู่เลยเข้ามาเก็บส้มลูกนั้นเสียเอง หนุ่มสาวเลยมองหน้ายิ้มให้กันเจื่อนๆ
ที่แปลงปลูกกะหล่ำ ดรุณีกับคุณย่าไปช่วยปลูกกะหล่ำ อย่างเอาการเอางาน ทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุข
ที่แปลงสตรอเบอร์รี่ อาทิจ คุณย่า และดรุณีช่วยกันรดน้ำ ดรุณีแกล้งฉีดน้ำใส่อาทิจจนเปียก แล้วทำเป็นขอโทษบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ เลยถูกอาทิจเอาคืน ฉีดใส่จนเธอเปียกโชกแล้วขอโทษพูดหน้าตาเฉยว่า “ไม่ได้ตั้งใจ...”
ที่แปลงผักสลัด วันนี้พากันมาตัดผักที่แปลง คุณย่าพูดอย่างภูมิใจแทนอาทิจว่างานชิ้นแรกของเขาสำเร็จแล้ว
ที่แปลงข้าวโพด ดรุณีถือสมุดเดินจดข้าวโพดอ่อนที่เพิ่งออกอย่างละเอียดยิบทุกต้นทุกฝัก จนอาทิจเปรยๆกับคุณย่าว่า “ละเอียดขนาดนี้คงไม่ตกหล่นสักสตางค์แน่ครับคุณย่า”
“อะแฮ่ม...นินทาอะไรได้ยินนะ” ดรุณีกระแอมกระไอแล้วนับและจดต่อ
อาทิจทำตาโตมองคุณย่าทำนองว่าอุตส่าห์พูดเบาๆแล้วได้ยินได้ไง??
ส่วนทองประศรีกัดฟันไปอยู่ที่บ้านพักของอาทิจอีก แต่ก็ถูกภาพหลอนหลอกเสียจนกลัวตัวสั่น กอดตัวเองมองไปรอบห้องด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว...ยามนี้เธอไม่มีใครอยู่เคียงข้างเลยจริงๆไม่ว่าคนหรือผี...
ooooooo
คืนนี้ อาทิจนั่งค้นหนังสือจากหีบสมบัติของคุณย่าอย่างขะมักเขม้น หนังสือวางอยู่รอบตัว คุณย่ากับดรุณีซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วลงมาเห็น คุณย่าถามว่าเจอหนังสือที่ต้องการไหม
เรื่องของเรื่องคืออาทิจคิดอยากจะทำนา เพราะฝันไว้ว่าในชีวิตนี้จะขอเป็นชาวนากับเขาสักครั้ง ดรุณีติงว่าให้เพลาๆบ้างก็ดี ถามว่าเคยได้ยินคำว่า “พอเพียง” ที่ในหลวงท่านตรัสไว้บ้างไหม เลยถูกคุณย่าถามว่าพอเพียงในแง่ไหนล่ะ
แล้วคุณย่าก็อธิบายว่า “ถ้างานที่เราทำเป็นงานสุจริต และเราทำตามกำลังที่เรามี โดยไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ย่าว่าพี่เขามีแรงเท่าไหร่อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เพราะย่าเชื่อว่างานที่พี่เขาทำ ยิ่งทำมากก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมาก”
“แต่ถ้ามากเกินไป มันก็เกินคำว่า “พอเพียง” ไปรึเปล่าคะ”
คุณย่าชี้แจงว่า คำว่าพอเพียงของในหลวงไม่ได้หมายความว่าทำแค่พออยู่พอกินไปวันๆ แล้วพูดความเข้าใจของตัวเองให้ฟังว่า
“ความพอเพียงสำหรับย่าก็คือ การเดินสายกลางอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ อยู่อย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่ฟุ้งเฟ้อ และไม่เบียดเบียนใคร ไม่ว่ากับคนอื่นหรือแม้แต่กับตัวเราเอง”
อาทิจชี้แจงว่า ตนแค่อยากจะปลูกข้าวเอาไว้กินให้พวกเราเกือบสองร้อยชีวิตที่นี่มีข้าวกินกันโดยไม่ต้องซื้อจากที่อื่นเท่านั้นเอง แล้วขอเวลาเก็บข้อมูลจากหนังสืออีกสักนิด คุณย่าสนับสนุนเต็มที่ บอกว่าจะนานเท่าไรก็ ไม่ว่าขอแต่ให้ลงมือทำจริงๆ แล้วคุณย่าก็ถามดรุณีว่าอยากทำอะไรบ้างล่ะ
เธอบอกยาวเหยียดซึ่งล้วนแต่เป็นการแปรรูปผลผลิตที่เหลือจากขาย เช่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ ทั้งทำเยลลี่ แช่อิ่ม เอาไว้ขายเอาไว้กิน คุณย่าเห็นด้วยแต่ตอนนี้ให้รอฟังผลสอบเสียก่อน
คุณย่ามองสองหลาน ยิ้มอย่างมีความสุข บอกว่า อีกไม่นานย่าคงได้กินข้าวฝีมือหลานชายและของหวานฝีมือหลานสาวเป็นแน่ แล้วโอบกอดหลานทั้งสองไว้ในแขนอย่างแสนรัก ส่วนอาทิจกับดรุณีก็อบอุ่นอยู่ในวงแขนของคุณย่าด้วยความรัก ศรัทธาและเทิดทูนอย่างหมดหัวใจ...
ooooooo
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 9
วันนี้ ดรุณีไปดูผลสอบ ปรากฏว่าเธอสอบได้ แต่ทำเป็นตีหน้าเศร้ามาหาคุณย่าที่สวนส้ม พอเห็นหน้าหลานคุณย่าก็โผเข้ากอดปลอบใจว่าไม่เป็นไร ปีนี้ไม่ติดปีหน้าสอบใหม่ก็ได้ หรือไม่ก็หาที่เรียนใหม่ดรุณียิ่งตีหน้าเศร้า ขอโทษคุณย่า แต่เป็นการขอโทษที่ต้องไปอยู่ไกลหูไกลตาคุณย่า พูดแล้วยิ้มเต็มหน้าอย่างปิดไม่อยู่ บอกคุณย่าว่า
“หนูสอบติดค่ะคุณย่า หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วค่ะ”
คุณย่านึกถึงอาทิจทันที อยากให้เขาดีใจด้วย เลยแกล้งใช้ให้เอาเบี้ยเลี้ยงไปจ่ายคนงานที่แปลงสตรอเบอร์รี่แทนย่าที หยอดท้ายว่า “จะได้บอกข่าวดีกับพี่เขาด้วย”
ดรุณีขับรถไปที่แปลงสตรอเบอร์รี่ด้วยหัวใจเบิกบาน แต่ก็กลับคิดหนักว่าจะบอกเรื่องนี้กับอาทิจ
อย่างไรจึงจะแนบเนียนและตื่นเต้น โดยตัวเองก็ไม่ถูกมองว่าอวดเขา แต่จริงๆแล้วอยากอวดและอยากให้เขายอมรับว่าตนเก่ง
ทดลองซ้อมพูดอยู่หลายแบบ คิดละเอียดกระทั่งจะยิ้มอย่างไร ยิ้มแค่ไหนเวลาบอกจะได้ดูดี
แต่ขณะซ้อมยิ้มอยู่นั่นเอง อาทิจมาเจอเข้าถามว่า “มายังไงครับคุณณี” ทำเอาตกใจตั้งตัวไม่ทันตอบพรวดๆว่า
“เอ่อ...ขับรถมา...คุณย่าให้มาจ่ายเบี้ยเลี้ยงคนงาน” อาทิจบอกว่าที่จริงให้คนอื่นมาก็ได้เพราะพรุ่งนี้ก็ยังทัน ดรุณีอึกอักอ้ำอึ้ง เพราะที่จริงคุณย่าอยากให้มาบอกข่าวดีเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วย เลยพูดไม่เต็มเสียงนักว่า “มันก็ใช่...แต่...มันมีเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องที่คุณย่าอยากให้ฉันมาบอกนายด้วย”
อาทิจถามอย่างสนใจ แต่เธอไม่ทันพูด คนงานคนหนึ่งก็วิ่งมาบอกนายอ่องคนงานด้วยกันอย่างตื่นตกใจว่า ยอน เมียนายอ่องกำลังเจ็บท้องคลอดให้รีบไปดู
นายอ่องวิ่งมาหาอาทิจถามว่าจะทำอย่างไรดี เพราะโรงพยาบาลอยู่ไกลถึงในเมือง อาทิจจึงจะไปกับนายอ่อง เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ ดรุณีเสนอให้เอารถตนไปก็แล้วกันเพราะตนเอารถมา ทุกคนจึงพากันวิ่งไปที่รถ
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 8-9 วันที่ 9 กรกฎาคม 2555
บทประพันธ์โดย กาญจนา นาคนันทน์บทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์