อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 9 วันที่ 10 กรกฎาคม 2555
นายอ่องวิ่งมาหาอาทิจถามว่าจะทำอย่างไรดี เพราะโรงพยาบาลอยู่ไกลถึงในเมือง อาทิจจึงจะไปกับนายอ่อง เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ ดรุณีเสนอให้เอารถตนไปก็แล้วกันเพราะตนเอารถมา ทุกคนจึงพากันวิ่งไปที่รถไปถึงบ้านพักของนายอ่อง เจอยอนกำลังร้องเจ็บท้องคลอด เพื่อนบ้านมาบอกว่ายอนร้องอย่างนี้เป็นชั่วโมงแล้ว อาทิจบอกให้รีบอุ้มขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล
แต่ยอนใกล้คลอดมากแล้ว อาทิจกับอ่องจึงตัดสินใจวางยอนลง อาทิจสั่งเพื่อนบ้านคนหนึ่งให้ไปต้มน้ำ สั่งอ่องให้รีบไปตัดไม้ไผ่มาไว้เตรียมตัดสายสะดือเด็ก ขอผ้าโยงให้ยอนด้วย
อาทิจจัดการทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วทะมัดทะแมงราวกับหมอตำแยมืออาชีพทีเดียว
ส่วนดรุณีก็ช่วยจับช่วยบีบนวดให้กำลังใจยอน จนเมื่ออาทิจคลำท้องเห็นว่าเด็กเอาหัวลงแล้ว เขาบอกยอนให้เบ่ง แล้วทั้งตัวเขาและดรุณีก็ช่วยส่งเสียงเบ่งด้วย จนยอนคลอดลูกสาวออกมา เสียงอุแว้...ของเด็กเหมือนเสียงสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนโล่งใจ แต่อาทิจก็ยังบอกให้พายอนกับลูกไปโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย
ดรุณีกับอาทิจเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นปะหล่องสาวปะหล่องหนุ่ม เพื่อพายอนกับอ่องไปโรงพยาบาล
ดรุณีบอกว่าเสื้อผ้านี้เอาไว้ซักแล้วจะส่งมาคืน อ่องบอกว่าไม่ต้องคืน ถือว่าเป็นของเล็กน้อยที่ตนให้ไว้เป็นที่ระลึกที่ช่วยชีวิตลูกเมียตนไว้
อาทิจกับดรุณีให้ยอนกับลูกนั่งข้างหน้าและให้อ่องเป็นคนขับ ส่วนตนสองคนไปนั่งที่กระบะ มีเข่งใส่หน่อไม้ มีใบตองปิดคลุมไว้เต็มท้ายรถเตรียมจะเอาไปส่งร้านในเมือง แต่ยังพอมีที่ว่างให้ทั้งสองนั่งได้
อาทิจกับดรุณีนั่งเอาหลังพิงเข่งหน่อไม้ หันหน้าออกไปทางท้ายรถ ต่างมองหน้าและยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆเป็นมิตรต่อกันเป็นครั้งแรก
ooooooo
นั่งรถไปครู่หนึ่ง อาทิจนึกได้ว่าดรุณีมีเรื่องจะบอก ดรุณีเองก็มีเรื่องจะถาม อาทิจจึงให้เธอถามก่อน
เธอทึ่งที่เขาทำคลอดได้อย่างทะมัดทะแมง อาทิจ
จึงเล่าให้ฟังว่า ตนเคยทำคลอดให้แม่ตอนแม่เจ็บท้องคลอดและพ่อไม่อยู่ หลังจากนั้นก็ทำคลอดให้น้องอีกหลายคน จึงทำได้อย่างที่เห็น
เล่าเรื่องของตัวเองแล้วถามดรุณีว่ามีอะไรจะบอกหรือ เธอนิ่งไปอึดใจตั้งหลักจะพูดแบบที่ซ้อมไว้ แต่เพราะมัวลีลาเกริ่นว่า “คุณย่าท่านสั่งมาว่า อยู่บ้านเดียวกัน มีเรื่องดีๆก็น่าจะต้องบอกกัน คือ...ฉัน...ฉัน...”
จู่ๆฝนก็ลงเม็ดมาอย่างเร็ว นายอ่องจอดรถลงมาบอกให้ดรุณีไปนั่งข้างหน้า เธอบอกว่าไม่เป็นไรเพราะประเดี๋ยวก็ถึงแล้ว อาทิจเลยหันไปหยิบใบตองมาให้เธอปิดหัว อดพูดเหน็บขำๆ ไม่ได้ว่า
“ประโยชน์อีกอย่างของกล้วย “ร่ม” ครับคุณณี พันธุ์นี้ไม่ได้ใบเรียวเล็กแบบกล้วยป่า รับรองว่ากันฝนพอได้ครับ”
ดรุณีคว้าใบกล้วยไปปิดหัวงอนๆ เป็นจังหวะที่นายอ่องขับรถเลี้ยวหักศอก เลยเหวี่ยงเธอไปเบียดจนกลายเป็นซบไหล่อาทิจ พอตั้งตัวได้รถก็เหว่ียงอีกทีทำให้อาทิจเสียหลักเอนเบียดเธอ เลยยิ้มแหยๆให้กัน และพยายามยึดตัวเองไว้กับรถท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย...
ooooooo
อาทิจขับรถกลับมาที่บ้านคุณย่า หลังจากพายอนกับอ่องส่งโรงพยาบาลและส่งหน่อไม้ที่ร้านในเมืองแล้ว เขาบอกดรุณีให้รีบขึ้นไปอาบน้ำอุ่นและสระผมเสีย ตัวชื้นนานๆจะเป็นหวัดเอา
“ฉันกระหม่อมหนาจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” พูดแล้วยิ้มจริงใจขณะเอ่ยว่า “ขอบใจมากนะที่ช่วยยอนกับลูก พลอยทำให้ฉันได้ช่วยเขาไปด้วย ฉันจะเก็บความประทับใจวันนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป”
“การได้ช่วยเหลือคนทำให้เราอิ่มใจครับ”
“ฉันถือว่านี่เป็นของขวัญที่ทำให้ฉันอิ่มใจที่สุดในชีวิต นอกจากการทำให้คุณย่ามีความสุข” อาทิจบอกว่าคุณย่ามีความสุขเพราะเธอทุกวันอยู่แล้ว ดรุณีจึงบอกข่าวดีของตนผิดจากแบบที่ซ้อมไว้สิ้นเชิงแต่พูดจากหัวใจว่า “วันนี้ท่านอาจจะสุขมากกว่าทุกวัน เพราะฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
อาทิจตื่นเต้นดีใจกับเธอมาก ดรุณีบอกว่านี่คือข่าวดีที่ตนจะบอกเขา พูดแล้วแบมือขอของขวัญ เห็นอาทิจงงๆเลยถามว่า ถ้าน้องสาวเขาสอบติดแบบนี้เขาให้อะไรเป็นของขวัญ ตนก็ขอแบบนั้นแหละ
“เออะ...คือ...ผมไม่มีอะไรให้น้องหรอก ผมแค่กอดน้องแน่นๆ แล้วบอกเขาว่าผมรักและภูมิใจในตัวเขามากแค่ไหน คุณณี...คง...ไม่อยากให้ผมแสดงความยินดีแบบนี้...”
ดรุณีเขินจนหน้าแดง ไม่รู้จะตีหน้าอย่างไร เลยเฉไฉเอาตัวรอดไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องยินดีก็ได้...ฉัน...” ดรุณีรู้สึกมือไม้เกะกะไปหมด ไม่รู้จะหาทางออกยังไง จู่ๆเธอก็จามออกมาเลยยิ้มเจื่อนๆบอกว่า “สงสัยจะเป็นหวัด เข้าไปหายากินก่อนนะ” ว่าแล้ววิ่งจู๊ดเข้าบ้านไปเลย
อาทิจยิ้มมองตามไปด้วยแววตาอ่อนโยนโดย
ไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวก็รีบหุบยิ้ม แล้วเผลอยิ้มออกมา
อีกอย่างไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองได้
ooooooo
ที่ห้องพักผ่อนบ้านคุณย่า ดรุณีอาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้ว มาเล่าวีรกรรมหมอตำแยของอาทิจให้คุณย่าฟัง คุณย่าอุทานทึ่งว่า อาทิจเป็นหมอตำแยทำคลอดให้เด็กตั้ง 4 คนแล้วหรือ น้าแก้วถามว่าแล้วตอนอาทิจทำคลอดให้ยอน เธอทำอะไร
“หนูช่วยเชียร์ค่ะ” ดรุณียิ้มแหยๆ แต่ก็ดูภูมิใจเพราะได้ช่วยอุ้มทารกให้ตอนอาทิจตัดสายสะดือ แล้วยังช่วยเอาน้ำอุ่นทำความสะอาดให้เด็กด้วย
“ดีแล้วล่ะลูก การช่วยชีวิตไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลทั้งนั้น อย่างน้อยก็ทำให้เราสุขใจ”
“สุขแบบทันตาเห็นเลยค่ะคุณย่า”ดรุณีเสียง
แจ่มใส ยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆ “นี่หนูก็ขอบคุณหมอตำแยเขาไปที่เขาทำให้หนูได้ร่วมทำบุญใหญ่วันนี้ด้วย พูดแล้วก็ยังตื่นเต้นไม่หาย ใครจะคิดว่าในชีวิตนี้หนูจะมีโอกาสเป็นผู้ช่วยหมอตำแยกับเขาล่ะคะ การช่วยให้เด็กคนหนึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกได้นี่ มันสุดยอดจริงๆ”
คุณย่าสบตากับแก้วด้วยความรู้สึกเหมือนกันว่า วันนี้ฟังน้ำเสียงดรุณีที่พูดถึง “หมอตำแย” นั้นฟังดูอ่อนโยน สนิทปากมากเป็นพิเศษ
เช้าวันนี้ ขณะทุกคนทำงานกันอยู่ในสวนส้มที่กำลังติดลูกดกสะพรั่งนั้น เกร็งก็เข้ามาพร้อมดรุณี แล้วป่าวประกาศบอกทุกคนว่า วันนี้ทำงานแค่ครึ่งวันพอ เพราะคุณย่าจะเลี้ยงส่งดรุณีไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เชิญทุกคนไปร่วมงานด้วย
ไพฑูรดี๊ด๊าถามดรุณีว่าอยากได้ของขวัญอะไรเดี๋ยวตนจะจัดให้ สามเกลอก็ประสานเสียงว่า พวกตนก็ยินดีจัดให้ ดรุณีขอบใจทุกคน ขอให้ไปร่วมกินข้าวด้วยเป็นของขวัญก็แล้วกัน ต๊อดเลยหันไปถามอาทิจว่า
“แล้วนายล่ะ มีของขวัญพิเศษอะไรจะให้คุณณีรึเปล่า”
เสียงพรรคพวกร้องเชียร์ดรุณีว่าอยากได้อะไรให้ขอเลย ดรุณีนึกถึงเมื่อวานที่ตนขอของขวัญจาก อาทิจแล้วก็เขินจนทำหน้าไม่ถูก ตัดบทขอตัวกลับเลย ทุกคนพากันงงกับท่าทีแปลกๆของเธอ มีแต่อาทิจเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเขินอะไร...
เมื่อพากันไปตัดผักสลัดที่แปลง ต๊อดก็ยังไม่วายเซ้าซี้ถามว่าตกลงอาทิจมีของขวัญอะไรจะให้ดรุณี อาทิจพูดเลี่ยงๆว่าจะให้อะไรดี ในเมื่อเธอก็มีครบทุกอย่างแล้ว คงไม่ต้องการอะไรจากตนหรอก
อึ่งเสนอว่าน่าจะให้อะไรเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำใจ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากก็ได้ แต่เป็นของที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของเขา แค่นี้ดรุณีก็ดีใจแย่แล้ว
ต๊อดเห็นอาทิจคิดไม่ออก เลยอาสาจะจัดให้เอง นั่นคือ ตัดผักสลัดสดๆ งามๆจากแปลงจัดใส่ตะกร้าอย่างสวยงามให้อาทิจเอาไปให้ อาทิจมองตะกร้าผักแล้วซ้อมพูดอยู่นาน จนสุดท้ายต้องปลุกใจตัวเองว่าเป็นไงเป็นกันแล้วเดินเข้าบ้านไป
ooooooo
ที่ระเบียงบ้านคุณย่า วิไลลักษณ์ เวทางค์และวิยะดากำลังอวยพรดรุณีกันอย่างยิ้มแย้มยินดี แล้ววิไลลักษณ์ก็เชียร์เวทางค์ให้เอาของขวัญให้น้องเลย
เวทางค์หยิบกล่องมาเปิด เป็นสร้อยประดับด้วยจี้มุกล้อมเพชรเล็กๆ น่ารักออกมามอบเป็นของขวัญที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดรุณีไม่กล้ารับบอกว่าแค่มาแสดงความยินดีตนก็ดีใจแล้ว
“ไม่ได้สิจ๊ะ หนูณีเป็นคนพิเศษของพ่อเวเขานี่ ยังไงเขาก็ต้องหาของที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้หนูณีจ้ะ กว่าจะได้สร้อยมุกเซาท์ซีเส้นนี้มา พี่เขาพาป้าเดินเสียทั่วเมืองเชียงใหม่ ความพยายามเป็นเลิศจริงๆ ลูกคนนี้...สวมสร้อยให้น้องสิจ๊ะตาเว”
อ่าน ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 9 วันที่ 10 กรกฎาคม 2555
บทประพันธ์โดย กาญจนา นาคนันทน์บทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์