หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 8 วันที่ 9 ต.ค. 56

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 8 วันที่ 9 ต.ค. 56

เบญจาหน้าตาตื่นตระหนก ยิ่งเมื่อติณห์กับญาณินซักไซ้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่าเธอเป็นใคร มาจากไหนและต้องการอะไร!?

“หนูจำไม่ได้ค่ะพี่ติณห์” เบญจาทำหน้าใสซื่อ แต่เต็มไปด้วยลีลาเจ้าเล่ห์ที่จะหลอกล่อข้อมูลจากติณห์ว่าเขาไปรู้อะไรมาจากไหน

เบญจาไม่เพียงไม่ตอบคำถาม อ้างว่าจำไม่ได้หากแต่ยังยอกย้อนเพื่อล้วงความลับและเจตนาของติณห์กับญาณินด้วย จนติณห์ไล่เธอออกไปจากรีสอร์ต เบญจาก็ยังยิ้มใสซื่อแต่แววตาแข็งทื่อจนคุณหลวงกับกุมาริกาไม่สบายใจ

มิรันตีไม่ยอมกลับบ้าน แต่ย้อนกลับมาปกป้องเบญจา เห็นติณห์แข็งกร้าวกับเบญจาก็เข้าขวางถามว่าเบญจาทำผิดอะไร ญาณินบอกมิรันตีว่าต่อไปนี้ต้องอยู่ห่างเบญจาให้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวเองมิรันตีถามว่าพูดอะไรตนไม่เข้าใจ หันมองติณห์อย่างไม่พอใจที่ลากเบญจาถูลู่ถูกังออกไป


ติณห์พาเบญจาไปส่งที่สถานีตำรวจ แจ้งว่าเธอถูกรถชนและจำอะไรไม่ได้ ตนดูแลมาระยะหนึ่งแล้วให้ตำรวจช่วยตามหาญาติหรือไม่ก็พาไปอยู่สถานสงเคราะห์ต่อไป

พอติณห์กลับไป ตำรวจที่รับแจ้งไว้เริ่มสอบถามประวัติเบญจา แต่เพียงสบตาเบญจา ดวงตาของตำรวจนายนั้นก็กลายเป็นว่างเปล่าไปทันที ตำรวจอีกคนมาถามงานที่ค้างกันอยู่ เห็นท่าทางเพื่อนผิดปกติ เขามองเบญจาถามว่าเพื่อนตนเป็นอะไร แต่พอสบตาเบญจาเท่านั้น ดวงตาของตำรวจนายนั้นก็ว่างเปล่าไปอีกคน

ระหว่างติณห์ขับรถกลับรีสอร์ตกับญาณินนั้น เขาบอกว่าเธอไม่ต้องพูดอะไร ตนจะเป็นคนตอบคำถามมิรันตีเอง

แต่พอกลับรีสอร์ต ติณห์กับญาณินตะลึงงันเมื่อเห็นเบญจากำลังบีบนวดให้มิรันตีอยู่ ซ้ำพอเดินใกล้เข้าไปมิรันตียังสั่งให้หยุดแค่นี้ไม่ต้องเข้าใกล้อีก สั่งเด็ดขาดว่า

“ฟังให้ดีนะ ตั้งแต่นี้ต่อไป ฉันจะให้เบญจามาดูแลรับใช้ฉันส่วนตัว ห้ามใครแตะต้องเบญจาอีก โดยเฉพาะเธอ ยัยยิปซีจอมวางแผน! ไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน” พูดแล้วมิรันตีหลับตาให้เบญจานวดต่อไป

“นี่มันจะเป็นสัญญาณของหายนะในที่ดินอาณาเขตของฉันอีกหรือเปล่าเนี่ย” คุณหลวงพึมพำ

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณตาว่ามา โกลเด้นเบบี้บอกได้คำเดียวว่า งานนี้เราเจอของจริง!”

ooooooo

หลังจากจุนจีหนีไปกับกรรัมภาแล้ว ลีจองกุ๊กคิดว่าคงพากันกลับมาที่ซิกซ์เซ้นส์ คืนนี้จึงมาหา พอรู้ว่าทั้งสองยังไม่กลับก็ตกใจจนเซจะเป็นลมเพราะทั้งสองคนลืมมือถือไว้ในรถไม่มีทางติดต่อกันได้เลย

“ถ้าจุนจีเป็นอะไรไป ทางค่ายต้องไม่เอาผมไว้แน่ๆ เกาหลีต้องประณามผม”

ฝ่ายจุนจีกับกรรัมภาซ่อนอยู่ในรถกระบะจนไปถึงอัมพวา กว่าจะเคลียร์กับคนขับรถได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่เพราะกรรัมภาถอดรองเท้าจุนจีขว้างไปลวงพวกแฟนคลับให้ตามผิดทาง จุนจีจึงเหลือรองเท้าข้างเดียว เขาเดินกะเผลกๆเจ็บเท้ามากนึกโมโหเลยจับกรรัมภาถอดรองเท้าทิ้งไปข้างหนึ่งบ้างเพื่อจะได้เจ็บเท้าเหมือนๆกัน

ทั้งคู่เดินกันไปโต้เถียงและแกล้งกันไป จนถึงตลาดน้ำอัมพวา ปาร์คจุนจีตื่นเต้นมาก ลากกรรัมภาไปดูที่เขาขายของกินกัน แต่นึกได้ว่าใส่รองเท้าข้างเดียวทั้งสองคน เกรงจะเป็นตัวประหลาดให้คนสนใจ เลยแวะไปซื้อรองเท้าคู่ละ 99 บาทใส่กัน กรรัมภายังกลัวคนจำจุนจีได้ เลยคว้าหมวกหัวสัตว์ให้เขาใส่ หยิบแว่นให้ใส่ด้วย จุนจีนึกสนุกหยิบหมวกหัวลิงใส่ให้กรรัมภาแล้วหัวเราะชอบใจ

เมื่อต้องจ่ายเงิน ปรากฏว่ากระเป๋าเงินจุนจีหาย กรรัมภาเอากระเป๋าสะพายขึ้นมาแกว่งเย้ย ขู่ว่า

“เพราะฉะนั้น...ต่อจากนี้ อย่ามาหือกับฉัน ทำตามที่ฉันบอก ไม่งั้นจะปล่อยทิ้งให้อดอยู่ที่นี่...”

เมื่อจัดการตัวเองกันเรียบร้อยแล้ว กรรัมภาโทร.ไปที่บริษัท ทุกคนยังรอฟังข่าวอยู่อย่างเป็นห่วง พอรู้ว่าทั้งสองสบายดีก็ดีใจ โดยเฉพาะลีจองกุ๊กถอนใจเหมือนรอดตาย

“โทษทีนะที่โทร.มาช้า คุณจุนจีอยู่กับฉัน ทุกอย่างโอเค บอกคุณจองกุ๊กไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลให้อย่างดี แบบจงอางหวงไข่ แม่ไก่กกไข่ มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม” กรรัมภาบรรยายเสียงจนเนตรสิตางศุ์หัวเราะคิกๆ...

ทั้งสองมัวแต่ไต่ถามกัน พอกรรัมภาหันมาอีกที จุนจีหายไปแล้ว กรรัมภารีบวางสายออกตามหาจุนจี เวลายิ่งผ่านก็ยิ่งร้อนใจ จนแทบจะร้องไห้ บ่นอย่างเป็นห่วงว่าถนนก็ไม่รู้จัก เงินก็ไม่มี กลับบ้านไม่ถูก ไม่มีข้าวกินต้องแย่แน่ๆ

ที่แท้ จุนจีไปนั่งยองๆดูคนกินก๋วยเตี๋ยวเรือกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ

กรรัมภาตรงดิ่งไปดึงหูจุนจีลากออกมา โมโหที่ทำให้ตกใจจนร้องไห้ ประกาศจะเลิกเป็นแฟนคลับเขาไปตลอดชีวิต จะเผารูปเผาซีดีข้าวของเกี่ยวกับเขาที่สะสมไว้เป็นห้องให้หมด

จุนจีเห็นน้ำตากรรัมภาก็อึ้ง พูดเสียงอ่อนอ้อน...

“คุณเลิกเป็นแฟนคลับผมไม่ได้หรอก ผมกลาย เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณไปแล้ว”

กรรัมภายังแง่งอน จนจุนจีบอกว่าตนหิวมากเพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย นี่ก็เย็นแล้ว กรรัมภาจึงสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือสองชาม คนขายบอกว่าเหลือชามเดียว เธอถามจุนจีว่าจะกินไหม เขาบอกว่ากินอาหารไทยไม่เป็น

“ไม่เอาแน่นะ งั้นฉันกินก่อน” แล้วหันไปสั่งลุงคนขายบอกว่าจะกินปิดร้านให้เอง พอได้ก็นั่งโซ้ยอย่างเอร็ดอร่อย

“เอ่อ...คุณ...ผมอยากกินเนื้อย่างแบบเกาหลีน่ะ” จุนจีท้องร้องจ๊อกๆ

“นี่ตลาดน้ำนะคุณ มีแต่อาหารไทยๆ ใครจะพายเรือขายอาหารเกาหลี รอฉันอิ่มแล้วพาไปหากินอย่างอื่นแล้วกัน”

ปรากฏว่า จุนจีเห็นกรรัมภากินอร่อยจนทนไม่ได้แย่งไปกินบ้าง จุนจีกินเอ๊า...กินเอา จนกรรัมภาต้องเบรกว่าเหลือให้ตนกินมั่ง เลยกลายเป็นสองคนแย่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือชามเดียวเป็นที่สนุกสนาน

ooooooo

ที่บ้าน ณ เวียงทับ...

ก๊องทำลับๆล่อๆ เรียกกรรณาให้ตามตนมา แล้วพาย่องไปที่ห้องพิมอร บอกกรรณาว่าตนมีทีเด็ดให้เข้าไปที่ซอกวางทีวีควานหาอะไรบางอย่าง พอเจอก็ตาโตบอกว่ายังอยู่

มันคือสมุดไดอารี่ปกสีแดงที่วันนั้นก๊องเจอแล้วแต่ไม่กล้าเอาออกไปกลัวจารุณีจับได้ วันนี้จึงพากรรณามาดู กรรณาดีใจมากชมเปาะว่า

“สุดยอดน้องชายของพี่ สมุดเล่มนี้จะต้องมีอะไรที่เป็นเบาะแสเกี่ยวกับฆาตกรแน่ๆ ไปๆไปก่อนที่จะมีคนมา”

แต่พอเปิดประตูก็เจอพงอินทร์ยืนขวาง เขาเห็นไดอารี่ก็ดึงไปทันทีบอกว่านี่เป็นของพี่พิม กรรณาโวยวายว่าถ้าอยากให้ตนช่วยพี่สาวเขาก็ให้คืนมา พงอินทร์ไม่ไว้ใจเพราะคิดว่าเธอทำงานให้แผนยุทธ ยืนยื้อแย่งกันอยู่ จนพงอินทร์แกล้งทัก “พี่แผน สวัสดีครับ” กรรณาหันมอง พอหันกลับอีกทีพงอินทร์ก็หายไปแล้ว เธอได้แต่ยืนเจ็บใจ

กรรณากลับไปนอนลืมตาโพลงในห้องนอน พลันก็เด้งขึ้นมาอย่างหงุดหงิด บอกตัวเองว่า

“ฉันต้องเอาไดอารี่คุณพิมอรมาให้ได้!! ฉันต้องปิดเคสนี้ให้สำเร็จ ไม่ให้น้อยหน้ายัยเจ๊ ยัยรส ยัยเนตรเด็ดขาด ตายเป็นตาย!!”

กรรณาตัดสินใจย่องไปที่ห้องนอนพงอินทร์ เขาไม่ได้ล็อกประตู เข้าไปเห็นเขานอนหลับอยู่ที่โซฟามีสมุดไดอารี่วางอยู่บนอกแบบเปิดอ่านจนหลับไป กรรณาย่องเข้าไปหยิบเบาๆ เขาลืมตาคว้าหมับ เกิดแย่งกันจนล้มทับกรรณาแต่เธอก็ยังจับไดอารี่ไว้แน่น แต่สุดท้ายเขาก็ยอมให้ เมื่อเธอบอกเขาว่า

“นายมีไดอารี่ไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ฉันต่างหากที่จะช่วยได้ การจะสืบให้รู้ว่าวิญญาณปากเสียที่ตามพี่เขยคุณคือใคร มันก็ต้องควบคู่ไปกับการสืบเรื่องการตายของพี่สาวนายนั่นแหละ”

พงอินทร์เสนอให้มาทำงานกับตน พอกรรณาปฏิเสธเขาก็ไม่ให้อ่านไดอารี่ เธอกลับลำทันทีว่า

“ตกลง ทำก็ทำ ฉันรับงานคุณนั่งลง เดี๋ยวฉันอ่านให้ฟัง”

พงอินทร์ยังไม่ยอมปล่อยไดอารี่จากมือกรรณาทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเขาเผลอก็เตะผ่าหมากจนพงอินทร์ลงไปนั่งจุก เธอคว้าไดอารี่ไปสั่ง

“นั่งลง!! ฉันจะอ่านให้นายฟังเอง” ว่าแล้วไปนั่งโซฟา ปล่อยให้พงอินทร์นั่งกุมเป้าจุกอยู่ที่พื้น

ooooooo

ปาร์คจุนจีที่เคยมีอคติเรื่องคุณย่า จนปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นไทย แต่เมื่อกรรัมภาหว่านล้อมกล่อมเกลาจนยอมเปลี่ยนใจที่จะช่วยสืบหาฆาตกรที่ฆ่า คุณย่าแล้ว ความรู้สึกต่อเมืองไทยก็เปลี่ยนไป

ยิ่งเมื่อหนีแฟนคลับจนพลัด หลงไปที่ตลาดน้ำอัมพวา เสน่ห์ของวิถีชีวิตแบบไทยและความจริงใจน่ารักของกรรัมภาทำให้จุนจี เพลิดเพลินกับตลาดน้ำอัมพวาจนลืมเรื่องคุณย่าไปชั่วขณะ

แต่ที่บ้านพง อินทร์ เหตุการณ์ยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เมื่อกรรณายอมทำงานให้พงอินทร์ เธอจะอ่านสมุดบันทึกของพิมพิลาส พงอินทร์บอกว่ายาวเป็นร้อยๆหน้า ตนเล่าให้ฟังดีกว่าเพราะอ่านจบแล้วตั้งแต่ตอนที่นอนรอเธอ

“เล่าแต่เนื้อๆนะ ไม่เอาน้ำ แล้วก็อย่าลีลาฉันมีความอดทนต่ำ”

“ใน นี้...” พงอินทร์เคาะนิ้วที่ปกสมุดแล้วเริ่มเล่า... “พี่พิมบันทึกเอาไว้ถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อช่อเพชร” กรรณาถามว่าเกี่ยวข้องอะไรกับด็อกเตอร์แผนยุทธหรือเปล่า พงอินทร์ยักคิ้วแผล็บพูดเป็นนัย “เป็นเลขาสาว คิดดูเอาเองแล้วกัน”

ทันที ที่พงอินทร์เอ่ยชื่อช่อเพชร ที่หน้าบ้านก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาด จู่ๆก็มีลมพัดแรงจนทุกอย่างปั่นป่วนไปหมดแล้ววิญญาณช่อเพชรก็ปรากฏขึ้นลางๆ ตรงมาที่บ้านราวกับลอยมา...แต่ถูกวิญญาณพิมอรออกมาเผชิญหน้าสกัด!

พงอินทร์ยังคงเล่าต่อไปว่า ตนอ่านเจอชื่อผู้หญิงคนนี้ในบันทึกลงวันที่ราวๆเกือบสองเดือนก่อนพิมอรจะ เสียชีวิต พิมอรหัวใจแทบสลายเมื่อจับได้ว่าแผนยุทธมีอะไรกับช่อเพชร กรรณาอยากฟังรายละเอียด พงอินทร์จึงอ่านบันทึกให้ฟัง...แต่พอพงอินทร์อ่านประโยคแรกว่า “ช่อเพชรมาหาฉันที่บ้าน!” เท่านั้น กรรณาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพิมอรแว่วมา เธอรู้ว่าวิญญาณพิมอรอยู่ตรงไหนแต่ไม่บอกพงอินทร์ หากแต่ส่งกระแสจิตคุยกับพิมอรโดยตรง...

“เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น? เล่าให้ฉันฟังซิคะคุณพิมอร...”

พิมอรเล่าว่า วันนั้นช่อเพชรมาหาตนที่บ้าน แนะนำตัวเองว่าเป็นเมียแผนยุทธ และเป็นเมียที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย ช่อเพชรเอาทะเบียนสมรสให้ดู ตนจึงรู้ว่าแผนยุทธแอบจดทะเบียนสมรสซ้อน! ช่อเพชรพูดใส่หน้าตนในวันนั้นว่า...

“แจ่มแจ้งแล้วใช่ไหมว่าคุณแผนยุทธ เขาไม่ได้รักเธอ เขาไม่ได้อยากอยู่กับเธออีกแล้ว เขาบอกฉันว่าอยากจะเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอมหย่าให้เขา”

อีกด้านวิญญาณพิมอรที่เผชิญหน้ากับวิญญาณช่อเพชรอยู่ข้างนอก พิมอรใช้ความสงบสยบความโลภะ โมหะ โทสะ และกามารมณ์ของช่อเพชร แผ่เมตตาและส่วนกุศลให้จนช่อเพชรค่อยสงบลงและเลือนหายไป

กรรณาซักถามพิมอรว่าหลังจากช่อเพชรมาวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นอีก แต่พงอินทร์นึกว่าถามตน จึงเล่าจากสมุดไดอารี่ต่อว่า

ตั้งแต่ มีเรื่องกันวันนั้น ก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับพิมอรอย่างเช่น มีโทรศัพท์โทร.เข้ามาแล้วไม่ยอมพูด มีจดหมายลึกลับส่งมาให้ที่บ้าน เมื่อเปิดก็พบซากหนูตาย เท่านั้นไม่พอ ยังมีผู้หญิงใส่ฮู้ดคลุมหัวสะกดรอยตามคุกคามขณะออกไปข้างนอก พิมอรตกใจวิ่งหนีจนรองเท้าส้นสูงพลิกข้อเท้าเจ็บ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อผู้หญิงใส่ฮู้ดคนนั้นตามทันยังชักมีดจะแทง พิมอรตกใจพลัดตกบันไดหนีไฟไปสลบที่ชั้น 1 ใกล้ประตูทางออก รปภ.มาเจอจึงช่วยไว้

แล้วพงอินทร์ก็เล่าต่อว่า “พี่พิมเครียดมาก หมดความอดทนที่ถูกฝ่ายโน้นตามราวี เลยตัดสินใจจ้างนักสืบตามย้อนรอยผู้หญิงคนนั้นบ้าง...จนถึงหน้าสุดท้าย... พี่พิมเขียนบันทึกมันเป็นวันเดียวกับที่พี่พิมหายตัวไป...”

“คุณพิมเขียนว่ายังไงคะ” พงอินทร์ยื่นสมุดบันทึกให้เธออ่านเอง บันทึกเขียนว่า....

“ฉัน เบื่อ...เบื่อที่จะเล่นสงครามกับผู้หญิงคนนั้นเต็มทน กว่าจะมีใครแพ้ใครชนะ...คงต้องมีใครสักคนที่เป็น บ้าไปเสียก่อน...เพราะฉะนั้น พอกันที ในเมื่อเขาอยากจะเจอฉัน ฉันก็จะไปเจอเขา...ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ให้มันจบสิ้นกันเสียที”

อ่านหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกจบ แผนยุทธก็เข้ามาพอดี กรรณารีบเอาสมุดบันทึกซ่อน แผนยุทธไม่พอใจถามว่า มาทำอะไรที่นี่ดึกๆดื่นๆตำหนิว่า

“ในฐานะที่คุณมา ทำงานให้ผม ผมไม่สบายใจเลย ที่เห็นคุณมาอยู่บ้านน้องเมียผมดึกดื่นมืดค่ำ ผมอุตส่าห์จัดห้องหับให้คุณพักอย่างดี ทำไมคุณถึงไม่รีบกลับไปพักผ่อนล่ะครับ”

พงอินทร์แกล้งเข้าไปโอบกรรณายั่ว แผนยุทธ บอกว่าตนชวนเธอมาระลึกความหลังกัน ประชดว่าเขาช่างนกรู้จริงๆ ที่มาไล่กรรณาให้ไปนอน เพราะพรุ่งนี้เธอก็จะเก็บของกลับบ้านแล้ว แผนยุทธตกใจถามว่าเธอจะกลับได้ไงเมื่องานยังไม่เสร็จ

“ก็ในเมื่อฉันเก็บ ข้อมูลที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์จากบ้านหลังนี้ได้หมดแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ กลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศได้แล้วค่ะ”

แผนยุทธทำหน้าเศร้าถามว่า แล้วตนจะอยู่กับใคร จะทิ้งให้ตนอยู่กับผีตามลำพังหรือ

“ถึงฉันอยู่ คุณก็ต้องอยู่กับผีอยู่ดี เพราะผีตัวนี้ตามติดคุณเป็นตังเมไปทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่เวลาที่คุณเข้าห้องน้ำ”

ระหว่าง ที่กรรณาพูดกับแผนยุทธนั้น ได้ยินช่อเพชรแผดเสียงด่าทอตลอดเวลา กรรณาจึงขอตัวไปนอน วิญญาณช่อเพชรจึงหยุดอาละวาด โผเข้ากอดแผนยุทธไว้อย่างหวงแหน จนเขารู้สึกหนาวเยือก...

ooooooo

ฝ่าย จุนจี เมื่อได้อยู่อย่างคนที่ไม่มีใครรู้จักก็ติดใจ ไม่อยากกลับไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ต้องใส่หน้ากากในสังคม จึงว่าจ้างลุงชาวบ้านพายเรือไปดูหิ่งห้อยและพักที่โฮมสเตย์ ลุงที่พาไปแอบถ่ายรูปทั้งคู่ไปอัพเฟซบุ๊กเพื่อโปรโมตโฮมสเตย์ของตน

ที่โฮมสเตย์นี่เอง วิญญาณเจ้าของที่มาขอให้กรรัมภาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บ้าง เพราะต้องอยู่อย่างอดอยาก

กรรัมภามีความสุขมาก ที่นอกจากจะได้ท่องเที่ยวใกล้ชิดกับจุนจีซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจแล้ว ระหว่างพักที่โฮม สเตย์ยังได้นอนเตียงเดียวกันอีกด้วย แม้จุนจีจะเหน็ดเหนื่อยจนหลับเป็นตาย แต่แค่นั้นกรรัมภาก็มีความสุขแล้วเธอบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะจำไปจนวันตายว่าครั้งหนึ่งเคยนอนข้างๆจุนจี”

รุ่งขึ้น กรรัมภาปลุกจุนจีไปใส่บาตรพระที่พายเรือมาบิณฑบาต เพื่อทำบุญให้ยายเมื่อคืน เธอเตือนจุนจีอย่าลืมทำบุญให้คุณย่าเขาด้วย หลังจากใส่บาตรร่วมกันแล้ว กรรัมภาจะเช่ารถกลับ ปรากฏว่าจุนจีติดใจที่นี่จนไม่ยอมกลับ

ooooooo

อ่านละคร สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ตอนที่ 8 วันที่ 9 ต.ค. 56

บทประพันธ์โดย:ณารา/ร่มแก้ว/ซ่อนกลิ่น/เก้าแต้ม/แพรณัฐ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3
บทโทรทัศน์ : ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์, สุธิสา วงษ์อยู่, เบญจมาศ ดาลหิรัญรัตน์, ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, โรจนินทร์ และ ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2กำกับการแสดง : ตระกูล อรุณสวัสดิ์
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ผลิต : ค่ายชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 แนวละคร : คอเมดี้
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันเวลาออกอากาศทุกวันศุกร์ -เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มเวลา 20.15
ติดตามชมสื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ระยะเวลาออกอากาศตอนแรกเริ่มวันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556
ที่มา ไทยรัฐ